วิธีการทำความสะอาดรถยนต์ด้วยของใช้ที่มีในบ้าน
การทำความสะอาดรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรใส่ใจเพื่อให้รถของคุณมีสภาพดีตลอดเวลา การใช้ของใช้ที่มีอยู่ในบ้านสามารถช่วยให้คุณสะดวกและประหยัดเวลาได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เมื่อคุณทราบวิธีการทำความสะอาดรถยนต์ด้วยของใช้ที่มีอยู่ในบ้านคุณจะสามารถรักษาความสะอาดและความสวยงามของรถยนต์ของคุณได้อย่างมั่นใจ
นอกจากประโยชน์ที่คุณได้จากการทำความสะอาดรถยนต์โดยใช้ของใช้ที่มีอยู่ในบ้านแล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อีกด้วย เพราะคุณไม่ต้องซื้อน้ำยาทำความสะอาดรถยนต์ที่มีราคาแพง สิ่งที่คุณต้องทำคือหาวิธีการใช้ของใช้ที่มีอยู่ในบ้านให้เหมาะสมกับการทำความสะอาดรถยนต์ นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกใช้ส่วนผสมต่างๆ เช่น น้ำส้มควันไม้ น้ำยาล้างจาน หรือสบู่ล้างจานในการทำความสะอาดรถยนต์ของคุณได้อย่างได้ผลและปลอดภัย
ดังนั้น คุณสามารถทำความสะอาดรถยนต์ของคุณได้อย่างมั่นใจและ ประหยัดทั้งเวลาและเงินได้โดยใช้ของใช้ที่มีอยู่ในบ้าน เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการใช้ของใช้เหล่านั้นในการทำความสะอาดรถยนต์ของคุณ รถยนต์ของคุณจะอยู่ในสภาพที่ดีเสมอและคุณจะเข้าถึงการใช้งานอย่างมั่นใจ
การทำความสะอาดตัวถังรถยนต์อย่างมืออาชีพ
เพื่อให้รถยนต์ของคุณสะอาดและสวยงามเหมือนใหม่ต้องมีกระบวนการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ดังนั้นเราขอแนะนำขั้นตอนการทำความสะอาดตัวถังรถยนต์อย่างมืออาชีพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:
1. ล้างรถด้วยสายยางหรือถังน้ำ
เริ่มต้นด้วยการล้างรถด้วยสายยางหรือถังน้ำเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนรถ ควรพยายามเป็นก้อนๆ นูนๆ ออกไปก่อน และขัดให้ทั่วทั้งรถ เพราะการขจัดสิ่งสกปรกส่วนเกินออกไปให้ได้มากที่สุดจะทำให้กระบวนการล้างรถง่ายขึ้นอย่างมาก
2. ขจัดคราบแห้งกรังด้วยเบคกิ้งโซดา
หากยังเหลือคราบแห้งกรังในขั้นตอนล้างรถ อาจทำให้สีรถลอกได้ คุณสามารถใช้เบคกิ้งโซดาเพื่อขจัดคราบนี้ได้ ให้นำเบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวงใส่ในน้ำร้อน 1 แกลลอนที่ผสมน้ำยาล้างจานแล้ว เพื่อเพิ่มพลังสลายคราบ โดยเฉพาะคราบโคลนเกรอะกรัง หากคุณ อาศัยอยู่ในเมืองที่มีหิมะและคลอนช่วงหน้าหนาว คุณสามารถใช้เบคกิ้งโซดาผสมโคลนช่วงหน้าหนาวเพื่อขจัดคราบได้
3. ขจัดคราบยางไม้ด้วยแอลกอฮอล์แปลงสภาพ

เพื่อขจัดคราบยางไม้และน้ำมันดิน คุณสามารถใช้แอลกอฮอล์แปลงสภาพ เช่น เอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ได้ หากคุณไม่สะดวกในการใช้แอลกอฮอล์ คุณสามารถใช้เนยถั่วแทนก็ได้ ให้ทาเนยถั่วหรือเนยขาวบริเวณที่มีคราบแล้ว และทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นใช้ผ้าเช็ดออก คุณอาจต้องเช็ดหลายทีหน่อยกว่ายางไม้เหนียวๆ จนสะอาดหมดจด แอลกอฮอล์สามารถขจัดคราบยางไม้และน้ำมันดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ล้างรถด้วยแชมพูสระผม
แชมพูเป็นน้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสำหรับล้างคราบมันและคราบเหนียวจากตัวถังรถยนต์ เลือกใช้แชมพูเด็กจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมีส่วนผสมอ่อนโยนและไม่ทำลายสีรถ
ให้ผสมแชมพู 2 ช้อนชาในถังน้ำที่บรรจุน้ำ 2 แกลลอน (ประมาณ 8 ลิตร ) เพื่อให้ได้น้ำยาล้างที่เข้มข้นพอดี
โดยปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถทำความสะอาดตัวถังรถยนต์อย่างมืออาชีพได้อย่างง่ายดายและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการเช็ดและขัดถูรถยนต์อย่างมืออาชีพ
เมื่อคุณต้องการเช็ดหรือขัดถูรถยนต์ของคุณให้ใช้เคล็ดลับเหล่านี้เพื่อดูแลสีรถอย่างเหมาะสม:
1. เลือกใช้ผ้านุ่ม
ใช้ผ้าที่มีความนุ่มนวลในการเช็ดหรือขัดถูรถ เพื่อปกป้องสีรถจากการถูกขูดถ่ายสีออก
2. หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูเข้มข้น
หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูเข้มข้นในการเช็ดหรือขัดถู เนื่องจากน้ำยาทำความสะอาดที่มีความเข้มข้นสามารถกัดสีรถได้
3. ใช้ถังที่มีที่ดักฝุ่น
ในกรณีที่ต้องใช้ม็อบดันฝุ่นเพื่อทำความสะอาดในส่วนที่เข้าถึงยาก คุณควรใช้ถังที่มีที่ดักฝุ่นเพื่อป้องกันฝุ่นจากการติดกับผ้าขี้ริ้ว นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ม็อบดันฝุ่นในการล้างหลังคา กระโปรงรถ หรือจุดอื่น ๆ ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
4. ล้างคราบดินโคลนและเกรอะกรัง
ใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าขี้ริ้วชุบแอลกอฮอล์ เพื่อล้างคราบดินโคลนและเกรอะกรังที่ปัดน้ำฝนด้วยแอลกอฮอล์ ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์จะช่วยล้างแผลในการ เช็ดรถ
ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งรถ Chad Zani ผู้อำนวยการด้านการขยายแฟรนไชส์ของ Detail Garage คุณสามารถเช็ดและขัดถูรถยนต์ของคุณอย่างมืออาชีพได้และรักษาสีรถให้สวยงามตลอดเวลา
การทำความสะอาดพื้นผิวแข็งและคอนโซลกลางของรถ
ในการทำความสะอาดรถ เราสามารถใช้วิธีต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะอาดและป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกลามไปยังที่นั่งหรือพื้นรถ โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
1. การทำความสะอาดพื้นผิวแข็งและคอนโซลกลาง
ใช้ผ้าชุบน้ำเปียกหมาดเช็ดพื้นผิวแข็งและคอนโซลกลางให้ทั่วทั้งพื้นผิว โดยใช้ผ้าชุบน้ำเปียกหมาดเช็ดให้ทั่วเพื่อขจัดคราบสกปรกส่วนเกินจากพื้นผิวของรถ
2. การขจัดคราบสกปรกบนเบาะหนังหรือไวนิล
ใช้ยาสีฟันเบาๆ และผ้าชุบน้ำยาสีฟันเพื่อขจัดคราบบนเบาะหนังหรือไวนิล แนะนำให้ทดสอบน้ำยาทำความสะอาดแค่จุดเล็กๆ ก่อนการใช้งานเพื่อป้องกันการที่น้ำยาบางตัวอาจทำให้เบาะด่างได้ ถ้ายาสีฟันไม่ได้ผล สามารถใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลแทนได้
3. การผสมน้ำยาทำความสะอาดในรถ
ผสมน้ำกับแอลกอฮอล์ในสัดส่วนที่เท่าก ันและฉีดพ่นบริเวณพื้นผิวแข็งๆ ใช้แผ่นหอมปรับผ้านุ่มเช็ดออกเพื่อไม่ทิ้งฝุ่นผ้าไว้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมน้ำส้มสายชูและน้ำมันเมล็ดฝ้ายเพื่อขจัดคราบและสิ่งสกปรกในรถ และให้ผลงานการเช็ดเบาะหนังกลับมาเงาวับด้วย
4. การทำความสะอาดอื่นๆ
ใช้ทิชชู่เปียกเช็ดช่องเก็บของหน้ารถและใช้ผ้าชุบน้ำยามาเช็ดก้นเด็ก (baby wipes) หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำ ถ้ามีขยะหรือฝุ่นหนาก็ต้องกำจัดก่อน เพราะอาจทำให้รถดูสกปรกอย่างที่ไม่ควรจะเป็นเลย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- โรยเบคกิ้งโซดาในที่เขี่ยบุหรี่ เพื่อดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ใช้ผ้าชุบน้ำยามาแค่เพียงเล็กน้อย
ทำความสะอาดส่วนที่เป็นผ้าให้ละเอียด
เพื่อให้ความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดและป้องกันการกระจายของคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆในพื้นผ้าที่แน่นหนา ขั้นตอนแรกคือการดูดฝุ่นให้ละเอียดโดยใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าขนสัตว์ที่มีคุณภาพดี
เก็บขยะและสิ่งสกปรกออกให้ได้มากที่สุด
ในขั้นตอนนี้ควรเก็บขยะและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผ้าให้หมดทั้งหมด โดยสามารถใช้มือหรือเครื่องมือเพื่อเก็บออกได้มากที่สุด
ใช้แป้งข้าวโพด (cornstarch) เพื่อขจัดคราบมัน
เมื่อต้องการขจัดคราบมันที่ยากถูกจากผ้า สามารถใช้แป้งข้าวโพดโรยลงบนคราบมันแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อดูดคราบแป้งข้าวโพดและคราบมันที่เหลืออยู่บนผ้า
การผสมน้ำในแป้งข้าวโพดเพื่อเข้มข้น
บางครั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดแนะนำให้ผสมน้ำในแป้งข้าวโพดเพื่อให้มีความเข้มข้นเป็นเนื้อแป ้ง โดยนำแป้งข้าวโพดผสมน้ำเล็กน้อยจนเป็นเนื้อ paste และทาไปที่คราบตามที่ต้องการ รอให้แห้งแล้วใช้แปรงฟองน้ำหรือเครื่องดูดฝุ่นเพื่อเอาผงแป้งและคราบมันออก
การใช้น้ำยาสำหรับขจัดคราบ
หากการใช้แป้งข้าวโพดไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความแรงขึ้น โดยควรตรวจสอบว่าคราบมีประเภทใดและนำ้ยาที่เหมาะสมในการขจัดคราบดังกล่าว สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตได้
การขจัดคราบดินและหญ้า
ในกรณีที่ต้องการขจัดคราบดินหรือหญ้าที่ติดอยู่บนผ้า สามารถใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% โดยให้ทิ้งไว้บนคราบเป็นเวลาสักครู่ จากนั้นใช้น้ำปกติล้างออกเพื่อขจัดคราบ
การขจัดคราบเบื้องต้นด้วยน้ำส้มสายชูกลั่นขาว แอลกอฮอล์ล้างแผล และน้ำอุ่น
หากไม่สามารถหาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้ สามารถใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว แอลกอฮอล์ล้างแผล และน้ำอุ่น ผสมสัดส่วนเท่าๆกัน ใช้ในการขัดถูคราบโดยตรง แล้วใช้น้ำปกติล้างออก เพื่อล้างคราบที่เหลือ
การจัดการกับรอยไหม้
ในกรณีที่มีรอยไหม้บนผ้า สามารถใช้หัวหอมดิบโดยการกดหัวหอมที่หั่นแล้วแนบรอยไหม้ โดยนำน้ำจากหัวหอมซึมเข้าไปในเนื้อผ้าและชุบน้ำเพื่อให้ชุ่ม จะเห็นว่าคราบจะจางลงไปอย่างมาก
การใช้น้ำยาแรงๆในการขจัดคราบฝังแน่น
สำหรับคราบฝังแน่นที่ยากถูกสามารถใช้น้ำยาที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น และใช้สเปรย์พ่นลงบนคราบเพื่อที่จะชุ่มคราบ ทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยๆซับคราบออกด้วยผ้าชุบน้ำ
การทำความสะอาดให้อากาศบริสุทธิ์ในรถยนต์
การทำความสะอาดให้อากาศในรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถหายใจอากาศบริสุทธิ์และลดจำนวนเชื้อโรคและเชื้อราที่อาจอยู่ในระบบลมในรถยนต์ได้
การใช้สเปรย์ขจัดเชื้อราและเชื้อโรค
หากต้องการทำความสะอาดอากาศในรถยนต์ให้สดชื่นขึ้น เราสามารถใช้สเปรย์ขจัดเชื้อราและเชื้อโรคเพื่อทำความสะอาดอากาศในรถได้ โดยการฉีดพ่นสเปรย์นี้ในช่องแอร์ของรถ ทำให้อากาศที่ไหลผ่านช่องแอร์มีคุณภาพที่ดีขึ้น
วิธีการทำความสะอาดช่องลมเข้า

เราสามารถทำความสะอาดช่องลมเข้าในรถยนต์ได้โดยการฉีดพ่นสเปรย์ที่ผสมจากน้ำกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยใช้น้ำ 1 ถ้วยตวงและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อ นโต๊ะ ในขวดสเปรย์
เมื่อผสมน้ำและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในขวดสเปรย์แล้ว เราควรเขย่าผสมเบาๆ จนเข้ากันก่อนที่จะเปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมดของรถยนต์ จากนั้นเปิดแอร์ให้แรงสุด เพื่อให้สเปรย์สามารถเข้าถึงช่องลมเข้าในรถได้
น้ำหอมปรับอากาศ
นอกจากการใช้สเปรย์ขจัดเชื้อราและเชื้อโรคเพื่อทำความสะอาดอากาศในรถ การใช้น้ำหอมปรับอากาศยังเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความสดชื่นและกลิ่นหอมให้กับรถยนต์ของเรา
วิธีการใช้น้ำหอมปรับอากาศ
เราสามารถใช้เทเบคกิ้งโซดา 1/4 ถ้วยตวงใส่ขวดโหลเล็กๆ แล้วเจาะรู 2-3 รูที่ฝา หรือใช้ผ้าขาวบางปิดปากขวดแทน จากนั้นเราสามารถวางตรงที่วางแก้วหรือตรงช่องในมุมอับเพื่อให้กลิ่นหอมแผ่กระจายออกมา
นอกจากนี้ยังสามารถซ่อนแผ่นหอมอบผ้าไว้ใต้ที่นั่ง พรมเช็ดเท้า และที่เก็บของหลังเบาะเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถยนต์ได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
น้ำหอมปรับอากาศเป็นน้ำ ยาทำความสะอาดที่อ่อนกว่าน้ำยาอื่นๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องระคายเคืองปอดหรือดวงตาจากการใช้สเปรย์หรือน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์
อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดอากาศในรถยนต์โดยใช้สเปรย์ขจัดเชื้อราและเชื้อโรคและการใช้น้ำหอมปรับอากาศสามารถช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความสดชื่นให้กับรถยนต์ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความสะอาดกระจกรถ
เมื่อทำความสะอาดรถให้ระวังให้เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อป้องกันการรกแกน้ำเกลือหรือน้ำล้างที่มีอุตส่าห์
การทำความสะอาดกระจกรถควรเริ่มจากส่วนอื่น ๆ ก่อน โดยไม่ควรใช้ทิชชู่ในการทำความสะอาด แนะนำให้ใช้หนังสือพิมพ์หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ซึมซับได้ดี ไม่ทิ้งร่องรอยหรือฝุ่นติดบนกระจก และยังเป็นวิธีที่ประหยัดทรัพยากรมากกว่า
การผสมน้ำยาเช็ดกระจกทำเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้น้ำยาเช็ดกระจกทำเอง สามารถผสมน้ำส้มสายชูและแอลกอฮอล์เข้าด้วยกัน โดยอัตราส่วนที่แนะนำคือ น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง และแอลกอฮอล์ 1/4 ถ้วยตวง ผสมเข้ากันในขวดสเปรย์และเขย่าเบา ๆ จนเข้ากันเป็นอย่างดี
หากไม่มีแอลกอฮอล์ สามารถใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแทนได้ และสามารถใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่ผสมเองได้เลย โ ดยฉีดพ่นที่กระจกและเช็ดให้สะอาด สำหรับซากแมลงที่ยากถูกติดแน่น สามารถใช้น้ำส้มสายชูเจือจางโดยฉีดพ่นและทิ้งไว้เป็นเวลา 2-3 นาทีเพื่อให้ซากแมลงออกได้ง่ายขึ้น
การใช้ฝอยขัดเพื่อขจัดรอยน้ำติดแน่น
หากมีรอยน้ำติดแน่นที่กระจกหน้า สามารถใช้ฝอยขัดเบอร์ 0000 เพื่อขจัดรอยน้ำติด โดยใช้ฝอยขัดขัดวนที่กระจกเบา ๆ เป็นวงกลม หลังจากที่ฝอยขัดแล้วให้ล้างให้สะอาดและทิ้งไว้ให้แห้งสนิท
คำเตือน: การล้างรถอย่างถูกต้อง
การล้างรถเป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจในการใช้สารล้างที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อปกป้องสภาพภายในรถและสิ่งแวดล้อม การผสมสารล้างนั้นต้องใช้สัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลล้างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ต่อไปนี้คือขั้นตอนและคำแนะนำที่ควรทราบเพื่อการล้างรถอย่างถูกต้อง:
1. สัดส่วนของแอลกอฮอล์
อย่าให้สัดส่วนของแอลกอฮอล์ที่ใช้ในการล้างรถมากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้แผลหรือรอยต่อผิวหนังของรถเสียหาย แนะนำให้ใช้สัดส่วนที่ถูกต้องตามคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสียหายไม่จำเป็น
2. การล้างรถในช่วงฤดูแล้ง
ในบางพื้นที่ที่มีกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอาจจำกัดการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง การล้างรถหรือการล้างรถบ่อยๆ อาจทำให้เกิดการเปลืองน้ำ ดังนั้นควรศึกษากฎหมายในพื้นที่นั้นๆ ให้ดีและล้างรถเฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
2.1 การล้างรถเป็นการเอาเปรียบคนอื่นและผิดกฎหมาย
การล้างรถบ่อ ยๆ โดยไม่มีความจำเป็นอาจถือเป็นการเอาเปรียบคนอื่นและผิดกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นควรใช้ความระมัดระวังในการล้างรถและล้างเฉพาะกรณีที่จำเป็น
3. การใช้สเปรย์ฉีดห้อง
ห้ามใช้สเปรย์ฉีดห้องเมื่อล้างรถ เนื่องจากอาจทิ้งร่องรอยหรือคราบให้เห็นชัดตรงเบาะที่นั่งของรถ แนะนำให้ใช้วิธีการอื่นในการทำความสะอาดรถที่เหมาะสม
วิธีการทำความสะอาดรถยนต์ด้วยของใช้ที่มีในบ้าน
เมื่อต้องการทำความสะอาดรถยนต์และไม่มีเวลาหรือทรัพยากรในการซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพิเศษ คุณสามารถใช้วัสดุหรือสิ่งของที่มีอยู่ในบ้านเพื่อดำเนินการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัสดุที่ต้องใช้
สิ่งของที่คุณต้องใช้เพื่อทำความสะอาดรถยนต์มีดังนี้:
- ทิชชู่เปียกเช็ดก้นเด็ก (baby wipes): ใช้เพื่อล้างและเช็ดความสกปรกบนพื้นผิวภายในรถยนต์
- เบคกิ้งโซดา: เป็นสารทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติล้างอย่างมีประสิทธิภาพ
- ถังน้ำ: ใช้ใส่น้ำสะอาดเพื่อการล้างหรือชะล้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- แปรงขัด: ใช้สำหรับขัดและถูผิวภายในรถยนต์
- แผ่นหอมอบผ้า (dryer sheets): ใช้กันกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในรถยนต์
- ม็อบดันฝุ่น: ใช้ล้างฝุ่นจากพื้นผิวภายในรถยนต์
- แผ่น หอมปรับผ้านุ่ม (fabric softener sheets): ใช้ในการปรับผ้านุ่มของรถยนต์
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์: ใช้ในการล้างและต้านกลิ่นอับภายในรถยนต์
- แชมพูสระผม: ใช้ในการล้างและทำความสะอาดเฉพาะส่วนของเบาะรถยนต์
- ขวดโหล (สำหรับใส่น้ำหอมปรับอากาศ): ใช้ในการใส่น้ำหอมปรับอากาศภายในรถยนต์
- น้ำมันเมล็ดฝ้าย (Linseed oil): ใช้ในการทำความสะอาดและเงาผิวภายนอกรถยนต์
- แอลกอฮอล์ล้างแผล: ใช้ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนพื้นผิวภายในรถยนต์
- ผ้าขนหนูหรือผ้าขี้ริ้วนุ่มๆ: ใช้สำหรับเช็ดและขัดที่สกปรกบนพื้นผิวภายในรถยนต์
- หนังสือพิมพ์: ใช้ในการล้างกระจกภายในรถยนต์เพื่อลดความหมองคล้ำ
- ขวดสเปรย์: ใช้ในการพ่นสารทำความสะอาดที่จำเป็นบนพื้นผิวภายในรถยนต์
- น้ำส้มสายชู: ใช้ในการทำความสะอาดและล้างโคมไฟภายในรถยนต์
- น้ำสะอาด: ใช้ในการล้างและชะล้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
สรุป
บทความนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่จำเป็นในการทำความสะอาดรถยนต์ด้วยวัสดุหรือสิ่งของที่มีอยู่ในบ้าน คุณสามารถใช้วัสดุเหล่านี้ในการล้างและเช็ดความสกปรกภายในและภายนอกรถยนต์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ