วิธีการทำอาหาร: เพิ่มรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม
การทำอาหารเป็นศิลปะที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และปฏิบัติได้ อย่างไรก็ตาม การทำอาหารไม่เพียงแค่การรวบรวมวัตถุดิบและผสมผสานเอาไว้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับคำศัพท์และเทคนิคการทำอาหารที่พื้นฐานอีกด้วย หากคุณเข้าใจวิธีการเตรียมส่วนประกอบของมื้ออาหารและขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ จะช่วยให้คุณปรับเวลาได้อย่างเหมาะสมและไม่เสียเวลาเกินไปในการทำอาหาร หลังจากที่คุณเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว คุณสามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารดีขึ้นได้โดยการใช้ซอส สมุนไพร และเครื่องเทศต่างๆ
เพิ่มทักษะการทำอาหารและปรับปรุงสูตรอาหาร
หากคุณต้องการเพิ่มทักษะการทำอาหารและปรับปรุงสูตรอาหารของคุณให้ดีขึ้น เรามีเคล็ดลับบางอย่างที่คุณอาจสนใจ:
1. เลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่
เมื่อซื้อผักผลไม้หรือเนื้อสัตว์ คุณควรตรวจสอบเนื้อสัมผัส สี และคุณภาพของวัตถุดิบที่คุณเลือกอย่างละเอียด เลือกเฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุดในร้านค้าหรือตลาด เนื่องจากวัตถุดิบที่สดใหม่มักจะมีรสชาติที่ดีที่สุด

2. ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล
ควรใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่มีรายการสูตรอาหาร การใช้วัตถุดิบในฤดูกาลที่เหมาะสมจะทำให้รสชาติของอาหารดีที่สุด
3. จัดเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบก่อนทำอาหาร
เชฟมืออาชีพเรียกวิธีนี้ว่า “mise en place” ซึ่งเป็นการจัดเตรียมและวัตถุดิบก่อนเริ่มทำอาหาร เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำอาหารที่มีประสิทธิภาพ คุณควรทำ “mise en place” ก่อนที่จะ เริ่มต้มหรือปิดเตา
3.1 วิธีการทำ “mise en place”
1. จัดเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องใช้รวมกัน
2. ตวงชั่งวัตถุดิบที่ต้องใช้และวัดส่วนผสมตามสูตรอาหาร
4. ใช้เทคนิคการหั่นอาหารที่เหมาะสม
การหั่นอาหารเป็นเทคนิคที่สำคัญในการทำอาหาร คุณสามารถใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การสับ การหั่นเต๋า การหั่นสี่เหลี่ยม การซอยบาง หรือการซอยเป็นเส้นบางๆ เพื่อให้อาหารสุกทั่วถึงและมีลักษณะเป็นรูปทรงที่สวยงาม
4.1 เลือกขนาดและวิธีการหั่นอาหาร
ความหนาของชิ้นอาหารจะส่งผลต่อเวลาการสุกของมัน ชิ้นหนาจะใช้เวลานานกว่าจะสุกมากขึ้น ดังนั้นคุณควรเลือกขนาดที่เหมาะสมในการหั่นอาหาร เช่น หั่นอาหารเป็นชิ้นบางๆ หรือชิ้นเท่ากัน
5. ผสมผสานรสชาติของเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน
อาหารที่อร่อยที่สุดคือการผสมผสานระหว่างเนื้อสัมผัสที่ต่างกันแต่ก็เสริมกันอย่างดี เนื้อสัมผัสเหล่านี้จะทำงานร่วมกันในปากของคุณเพื่อให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารดีขึ้น
5.1 ตัวอย่างการผสมผสานรสชาติ
เช่น โรยขนมปังป่นบนพาสต้าอบหรืออาหารจานผักอย่างมักกะโรนีชีสหรือมะเขือม่วงอบชีส การใส่ต้นหอมหรือเซเลอรีซอยลงบนมันบดก็จะเพิ่มเนื้อสัมผัสและทำให้อาหารรสชาติดีขึ้นมาก
6. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
การปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการทำอาหาร เกลือและพริกไทยช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร
เพิ่มรสชาติให้กับอาหารด้วยเกลือพริกไทย
การเติมเกลือพริกไทยในปริมาณที่พอเหมาะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร การโรยเกลือพริกไทยลงไปเล็กน้อยสามารถทำให้อาหารดูมีชีวิตชีวาขึ้นจริงๆ เนื่องจากมันจะช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบแต่ละอย่างออกมา
หากคุณกลัวว่าจะเติมเกลือมากเกินไปหรือไม่แน่ใจว่าควรใส่เกลือเท่าไร วิธีที่ดีที่สุดคือให้คุณชิม! เริ่มต้มเพิ่มเกลือลงไปเล็กน้อย ชิม และทดลองเติมเกลืออีกหน่อย ชิม… ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะได้รสชาติที่ถูกใจ
วิธีการใช้เกลือพริกไทยในการปรุงอาหาร
เชฟมืออาชีพชื่ออเล็กซ์ ฮอง ใช้เกลือพริกไทยในการปรุงอาหารอย่างเป็นทางการ โรยเกลือพริกไทยลงบนข้อต่อของเนื้อสัตว์หรือไก่ทั้งชิ้นก่อนนำไปอบ เพิ่มเกลือเล็กน้อยในสตูว์และซอสขณะปรุง นอกจากนี้อย่าลืมใส่เกลือในน้ำเมื่อต้มเส้นพาสต้า ข้าว และมันฝรั่ง
เคล็ดลับจากเชฟและเจ้าของร้านอาหาร Sorrel
ข้อมูลเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเชฟและเจ้าของร้านอาหารชื่อว่า Alex Hong ซึ่งเป็นเชฟและเจ้าของร่วมของร้านอาหาร Sorrel ที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก อเล็กซ์มีประสบการณ์ในภัตตาคารมาเกือบสิบปี จบการศึกษาจากสถาบันการทำอาหารแห่งอเมริกา และเคยทำงานในครัวของร้าน Jean-Georges และ Quince ทั้งสองร้านมีเกียรติยศติดดาวมิชลิน อเล็กซ์ได้แสดงความคิดเห็นว่า “รสชาติที่สำคัญที่สุดสองรสในการปรุงอาหารก็คือเกลือกับรสเปรี้ยว เช่น ถ้าคุณทำน้ำสลัด มันจะชืดถ้าเปรี้ยวไม่พอ คุณจึงต้องเติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว และมันจะไร้รสชาติถ้าไม่เติมเกลือไปดึงรสชาติต่างๆ ออกมา”
ของแท้ทุกอย่างอยู่ที่พื้นฐานของการปรุงอาหารอย่างเท่าที่เชฟอเล็กซ์ ฮอง ได้กล่าวไว้ เชฟชาวอเมริกันที่ทำงานในร้านอาหารระดับติดดาวมิชลินกล่าวว่า “รสชาติที่สำคัญที่สุดสองรสในการปรุงอาหารก็คือเกลือกับรสเปรี้ยว เช่น ถ้าคุณทำน้ำสลัด มันจะชืดถ้าเปรี้ยวไม่พอ คุณจึง ต้องเติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว และมันจะไร้รสชาติถ้าไม่เติมเกลือไปดึงรสชาติต่างๆ ออกมา”
ในการทำอาหารคุณสามารถใช้เกลือพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารของคุณได้อย่างง่ายดายและอร่อยมาก!
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ Alex Hong เชฟ อเล็กซ์ ฮอง
- แหล่งข้อมูลอ้างอิง: จากเชฟและเจ้าของร้านอาหาร Sorrel
เนยเพิ่มรสชาติเค็มๆ มันๆ ที่ทำให้อาหารอร่อย
การปรุงและการอบอาหารหลายอย่างควรใส่เนยเยอะๆ เพราะเนยช่วยเสริมและเพิ่มรสธรรมชาติให้กับอาหาร ถ้าสูตรบอกให้ใส่เนยก็ใส่เถอะ และถ้าสูตรไม่ได้บอกให้ใส่ก็ใส่เพิ่มลงไปด้วยก็ได้!
การใช้เนยในการปรุงอาหาร
เนยสามารถใช้เป็นสื่อกลางในการปรุงอาหารได้หลายวิธี เช่น ใช้ในการผัดเพราะเนยช่วยเสริมและเพิ่มรสธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการทำซอส ที่จะเพิ่มเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสามารถใช้ในการอบเพื่อเพิ่มความนุ่มลิ้นและชนิดละลายในปากได้อย่างยอดเยี่ยม
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
หัดทำซอสต่างๆ ซอสที่ดีสามารถเปลี่ยนอาหารจืดชืดไร้ชาติให้กลายเป็นอาหารแสนอร่อยที่น่าตื่นตาตื่นใจได้ การหัดทำซอสพื้นฐานไว้บ้างจะช่วยยกระดับรสชาติอาหารที่คุณทำโดยที่คุณแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย ซอสที่คุณสามารถหัดทำได้เช่น
ซอสเบชาเมล
เป็นซอสสีขาวรสมันที่เป็นพื้นฐานของอาหารหลายจาน เช่น กราแตงผัก ชีสซูเฟล่ และซอสพาสต้าต่างๆ อีกหลายชนิด
ซอสเวลูเต้
เป็นซอสง่ายๆ ที่เกิดจากการผสมรูส์กับน้ำสต็อกปรุงรส ซอสนี้สามารถนำไปประยุกต์เพื่อรับประทานคู่กับไก่ ปลา หรือเนื้อลูกวัวได้แล้วแต่รสชาติของน้ำสต็อก
ซอสมารินารา
ซอสมารินาราเป็นซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่ใช้ในการทำอาหารอิตาเลียนและเมดิเตอร์เรเนียน ประกอบด้วยมะเขือเทศสดหรือมะเขือเทศกระป๋อง หอมหัวใหญ่ และสมุนไพรต่างๆ และมักจะใช้เป็นซอสพิซซากับซอสพาสต้า
ซอสฮอลแลนเดซ
ซอสรสมันๆ เปรี้ยวๆ เหมาะรับประทานคู่กับอาหารทะเล ไข่ และผักเป็นที่สุด ซอสชนิดนี้เกิดจากการผสมเนยใส ไข่แดง และน้ำมะนาวเพื่อให้จับตัวเป็นซอสเหลว
นอกจากนี้ยังมีซอสอื่นๆ ที่คุณสามารถลองทำได้ เช่น ซอสบาร์บีคิว ซอสกระเทียม ซอสพริก ซอสเปรี ้ยวหวาน ซอสชีส และซอสช็อคโกแล็ต อาจลองใช้สมุนไพรในการทำซอสเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับซอสของคุณด้วย
สมุนไพรในอาหาร
สมุนไพรเป็นสิ่งที่ทำให้อาหารมีรสชาติโดดเด่นด้วยตัวของมันเอง และมีประโยชน์ในการแสดงถึงลักษณะของอาหารที่เป็นที่มาจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น อาหารไทย อาหารกรีก อาหารอิตาเลียน อาหารเม็กซิกัน อาหารจีน และอาหารจากประเทศอื่นๆ
ประโยชน์ของสมุนไพรในอาหาร

สมุนไพรช่วยเพิ่มรสชาติและสีสันของอาหาร ทำให้อาหารน่าปรุงและน่ารับประทานมากขึ้น
โหระพา
โหระพามักใช้ในการทำอาหารเม็ดเรเนียนและเข้าคู่กับมะเขือเทศได้อย่างดี สามารถนำไปผสมกับถั่วไพน์เพื่อให้ได้ซอสเพสโต้โหระพา พาสลีย์เพิ่มรสสดชื่นอ่อนๆ และนิยมใช้ทำอาหารตะวันตก เหมาะใส่ลงในซุปและซอส หรือจะแค่โรยบนจานอาหารเพื่อเพิ่มสีสันให้ดูสดใสก็ได้
ผักชี
ผักชีเป็นสมุนไพรที่นิยมใช้ในการทำอาหารเอเชียและอาหารละติน ใช้ใบสดใส่ลงไปในอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเพื่อเพิ่มรสชาติสดชื่นแบบเข้มข้น
ส ะระแหน่
สะระแหน่มีรสชาติเย็นสดชื่นที่เหมาะใส่ในสลัดหน้าร้อนและเครื่องดื่มเย็นๆ เช่น โมฮีโต้ และยังใช้ใส่ลงในอาหารคาวที่มีต้นกำเนิดมาจากแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือด้วย
โรสแมรี่
โรสแมรี่เป็นสมุนไพรยืนต้นรสชาติเข้มข้นที่เหมาะจะนำไปหมักไก่อบและข้อต่อของเนื้อสัตว์ สตูว์ และซุป ควรใช้ปริมาณน้อยเพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุลกับเมนูอื่นๆ
ในการใช้สมุนไพรในอาหาร ควรใส่ให้เหมาะสมและถูกวิธี เพื่อเพิ่มรสชาติและความเข้มข้นให้กับอาหารที่สำคัญ
เครื่องเทศที่เพิ่มรสชาติให้กับอาหาร
เมื่อเติมเครื่องเทศลงไปในอาหาร จะทำให้รสชาติของจานนั้นโดดเด่นขึ้นมาได้ ซึ่งเครื่องเทศก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของอาหารสัญชาติต่าง ๆ
อบเชย
อบเชยเป็นเครื่องเทศรสหวานหอมที่นิยมใช้ในการอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอบพวกพายแอปเปิลและคุกกี้ข้าวโอ๊ต และยังใช้ในการทำอาหารอินเดีย โมร็อกโก และเม็กซิกันด้วย ปาปริก้าเพิ่มสีแดงสวยและรสชาติเผ็ดร้อนให้กับอาหาร อาหารฮังกาเรียนหลายจานปรุงรสด้วยปาปริก้า และก็เป็นที่นิยมในหมู่อาหารสเปนและโปรตุเกสด้วย
ขมิ้น
ขมิ้นเป็นเครื่องเทศยอดนิยมที่ใช้เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันของแกงเป็นหลัก ขมิ้นใช้ในการประกอบอาหารตะวันออกกลาง เมดิเตอร์เรเนียน และเอเชีย
ลูกผักชี
ลูกผักชีคือเมล็ดของต้นผักชีที่มีกลิ่นรสคล้ายมะนาว มักใช้ในการทำอา หารเผ็ดและแกงต่าง ๆ และนิยมใช้ในอาหารละติน ตะวันออกกลาง และอินเดีย
ขิง
ขิงเป็นเครื่องเทศที่ทำอาหารได้หลากหลายมากๆ ขิงสดจะเพิ่มรสหวานและเผ็ดร้อนให้กับอาหารประเภทผัด แกง และเนื้อสัตว์อบ ขิงแห้งบดเป็นผงจะใช้กับขนมอบมากกว่า เช่น คุกกี้ขิง
เทคนิคการปรุงอาหารในน้ำเดือด
เมื่อปรุงอาหารในน้ำเดือดหรือใกล้จุดเดือดมีเทคนิคที่สำคัญที่ควรรู้
การต้มอาหาร
การต้มอาหารเป็นกระบวนการใส่วัตถุดิบลงในน้ำเดือดจนกว่าจะสุก
การทอดในน้ำ
การทอดในน้ำเป็นรูปแบบการปรุงอาหารในน้ำที่นุ่มนวลที่สุด มักเหมาะกับปลาและไข่ อุณหภูมิที่ใช้ปรุงอาหารในน้ำประมาณ 60-90 องศาเซลเซียส
การเคี่ยว
การเคี่ยวใช้น้ำที่อุณหภูมิ 87-94 องศาเซลเซียส เป็นกระบวนการทำอาหารในน้ำที่พบได้มากที่สุด มักใช้กับการทำสตูว์และซอส
การตุ๋น
การตุ๋นเป็นกระบวนการปรุงอาหารในน้ำที่ยังไม่ถึงจุดเดือดเต็มที่ 0 องศาเซลเซียส ใช้ไฟแรงกว่าการเคี่ยวเล็กน้อย น้ำจะอยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 95 องศาเซลเซียส
การนึ่ง
การนึ่งใช้ความร้อนจากไอน้ำเดือดในการทำอาหาร เป็นวิธีปรุงอาหารที่อ่อนโยนมาก จึงเหมาะกับการปรุงวัตถุดิบที่มีเนื้อสัมผัสเบาอย ่างปลาและผัก นอกจากนี้การนึ่งยังเป็นรูปแบบการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพราะไม่ทำลายสารอาหารในวัตถุดิบเหมือนการต้ม การเคี่ยว และกระบวนการอื่นๆ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
การนึ่งใช้กอไผ่สุมกันหรือใช้ซึ้งหรือหม้อนึ่งพลาสติกบนเตาแก๊สก็ได้ ตะแกรงรองนึ่งก็มีขายในร้านเครื่องใช้ในครัวทั่วไป การตุ๋นวัตถุดิบเนื้อเหนียวเพื่อให้มีน้ำฉ่ำออกมา
การตุ๋น: วิธีการทำอาหารที่เนื้อสัตว์เป็นอาหารนุ่มลิ้นฉ่ำน้ำ
การตุ๋นเป็นวิธีการทำอาหารที่ใช้ความชื้นเพื่อเปลี่ยนเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่เนื้อเหนียวให้กลายเป็นอาหารนุ่มลิ้นฉ่ำน้ำที่อร่อยไม่ซ้ำซากซ้อน ในกระบวนการตุ๋นนี้ คุณจะต้องใช้เนื้อสัตว์ (หรือผักเนื้อเหนียว) และปรุงรสด้วยไขมันผ่านการผัดในกระทะแรงไฟ จากนั้นค่อยๆ นำไปตุ๋นในของเหลวเป็นเวลาหลายชั่วโมง
กระบวนการตุ๋น
เมื่อตุ๋น เริ่มต้นด้วยการจิ้มเนื้อสัตว์หรือผักเนื้อเหนียวในกระทะที่มีไขมันร้อน หลังจากนั้นค่อยๆ นำเนื้อสัตว์ไปตุ๋นในของเหลวต่างๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง
การจัดเตรียมและเตรียมอาหาร
ในกระบวนการตุ๋น คุณต้องนำเนื้อสัตว์ไปจิ้มกับไขมันในกระทะที่มีไฟแรง เมื่อเนื้อสัตว์ได้รับความร้อนและสีสวยงาม คุณจะต้องนำเนื้อสัตว์ไปตุ๋นในชามหรือหม้อตุ๋นที่มีไฟหรือไฟ ฟ้า และเพิ่มส่วนผสมเช่นไวน์ น้ำซุป หรือของเหลวอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมของอาหาร
ล้างและนำอาหารออกจากกระทะ
หลังจากนั้นคุณควรล้างกระทะเพื่อให้เศษเนื้อสัตว์หรือไขมันชิ้นเล็กๆ ที่ติดอยู่หลุดออกมา จากนั้นนำของเหลวที่ใช้ล้างกระทะใส่ลงในจานพร้อมกับของเหลวที่ได้จากการทำอาหารทั้งหมดที่เหลือ เช่น น้ำสต็อก ไวน์ หรือน้ำผลไม้ โดยระดับน้ำในจานควรมีความสูงถึงครึ่งหนึ่งของชิ้นเนื้อ
การอบหรือตุ๋นเสร็จสิ้น
สุดท้ายคุณควรปิดฝาชามและวางชามในเตาอบที่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม (หรือใช้หม้อตุ๋นไฟฟ้า) และทิ้งไว้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อสัตว์) เพื่อให้เนื้อสัตว์ตุ๋นอย่างละเอียดและเนื้ออ่อนละมุน
การตุ๋นเป็นวิธีการทำอาหารที่ให้ผลลัพธ์ที่อร่อยและนุ่มลิ้น ถ้าคุณต้องการเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับอาหารของคุณ คุณสามารถผัดเร็วๆ ด้วยน้ำมันตะวันตกเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอร่อย
การผัดอาหาร
การผัดแบบตะวันตกคือวิธีการปรุงอาหารที่รวดเร็วและเป็นที่นิยมในการทำอาหารในประเทศไทย วิธีการผัดนี้เป็นการปรุงอาหารในกระทะด้วยไฟแรงและใช้ไขมันเล็กน้อยเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและเสริมความอร่อยของวัตถุดิบที่ใช้ การผัดเหมาะสำหรับเนื้อสัตว์ที่นุ่มละเอียดเช่นเนื้อหมูหรือไก่ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และผักต่าง ๆ
กฎการผัดอาหาร
กฎที่สำคัญที่สุดในการผัดอาหารคือทั้งกระทะและไขมันที่ใช้จะต้องร้อนที่อุณหภูมิสูงก่อนที่จะใส่วัตถุดิบลงไป การทำเช่นนี้จะช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงและไม่ติดกระทะ หากไม่ร้อนพออาหารอาจจะไม่สุกให้ดี มันอาจจะอมไขมันและติดกระทะได้
การตรวจสอบว่ากระทะร้อนพอหรือยังสามารถทำได้โดยการใส่น้ำลงไปในกระทะสัก 2-3 หยด ถ้าน้ำกระเด็นซูซ่าและระเหยไปในไม่กี่วินาที แสดงว่ากระทะร้อนพอแล้ว จึงสามารถใส่วัตถุดิบลงในกระทะได้
เมื่อใส่วัตถุดิบลงในกระทะแล้ว ควรพลิกไปพลิกมาเพ ื่อให้อาหารสุกทั่วถึงและกระทะยังคงร้อนอยู่ คำว่า “ผัด” แปลว่า “พลิกกลับไปกลับมา” ดังนั้นควรคอยพลิกวัตถุดิบขณะผัดอาหารเพื่อให้อาหารสุกทั่วถึงและกระทะยังคงร้อนอยู่
การทอดอาหาร
การทอดอาหารเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเล็กน้อยและเหมือนกับการผัดมากๆ โดยใช้กระทะและน้ำมันเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม การทอดมักจะใช้กับเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่เช่นอกไก่ สเต็ก เนื้อหมูสันติดกระดูก และเนื้อปลาชิ้นย่อม
การทอดแบบน้ำมันตื้น
การทอดแบบน้ำมันตื้นคล้ายกับการทอดน้ำมันน้อยแต่ว่าจำนวนน้ำมันที่ใช้จะมากกว่า เมื่อทอดน้ำมันน้อยน้ำมันจะแค่เคลือบกระทะเฉย แต่เมื่อทอดน้ำมันตื้นน้ำมันจะขึ้นมาถึงกึ่งกลางของตัววัตถุดิบ
การทอดน้ำมันตื้นนิยมใช้กับการทำไก่ทอด กุ้งชุบแป้งทอด และมะเขือม่วงทอดใส่ชีส
การทอดแบบน้ำมันท่วม
การทอดแบบน้ำมันท่วมใช้เพื่อให้วัตถุดิบกรอบด้านนอก วิธีการทำเช่นเดียวกับการทอดน้ำมันน้อย แต่มีปริมาณน้ำมันที่ใช้มากกว่า เมื่อทอดน้ำมันท่วมวัตถุด ิบจะลอยบนผิวน้ำและไม่ติดตัวตะกอนในน้ำมัน
การทอดน้ำมันท่วมใช้กับการทำไก่ทอด กุ้งชุบแป้งทอด และมะเขือม่วงทอดใส่ชีส
การทอดน้ำมันท่วม
การทอดน้ำมันท่วมคือกระบวนการที่จุ่มวัตถุดิบลงในน้ำมันร้อนเพื่อทอด เมื่อทอดแบบนี้จะไม่ต้องพลิกวัตถุดิบระหว่างทอด เนื่องจากน้ำมันที่เคลือบอยู่จะทำให้อาหารสุกเท่ากันทุกด้านอยู่แล้ว
การทอดน้ำมันท่วมใช้กับอาหารชุบแป้งทอด เฟรนช์ฟรายส์ และโดนัท
วิธีการทอดน้ำมันท่วมนั้นสามารถใช้กับอาหารที่ชุบแป้งทอด เช่น เฟรนช์ฟรายส์ และโดนัท โดยการผัดวัตถุดิบกับน้ำมันเล็กน้อยในกระทะเหล็กจีน
การผัดโดยใช้น้ำมันเล็กน้อย
การผัดโดยใช้น้ำมันเล็กน้อยเป็นวิธีการปรุงอาหารหลักของชาวจีน ซึ่งเหมือนกับการผัดแบบตะวันตก โดยวัตถุดิบจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และผัดกับน้ำมันในกระทะร้อนๆ
การผัดแบบจีน
การผัดแบบจีนใช้กระทะเหล็กจีนที่มีลักษณะพิเศษ คือ กระทะที่มีก้นลึกค่อยๆ ลาดเอียงลงมาด้านข้างและทำจากโลหะบางๆ แตกต่างจากกระทะทั่วไปที่ใช้ในครั วเรือน
ประโยชน์ของกระทะเหล็กจีน
กระทะเหล็กจีนช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิในการปรุงวัตถุดิบต่างๆ ที่อยู่ในกระทะได้อย่างถูกต้อง โดยอุณหภูมิจะร้อนกว่าด้านข้าง
การอบด้วยน้ำมันเล็กน้อย
การอบด้วยน้ำมันเล็กน้อยคือกระบวนการทำอาหารโดยใช้ความร้อนแบบแห้ง โดยปรุงวัตถุดิบบนถาดอบในเตาอบเปิดโล่ง
การอบเนื้อสัตว์และผัก
การอบด้วยน้ำมันเล็กน้อยมักใช้กับเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ๆ เช่น ไก่หรือไก่งวงทั้งตัว เนื้อหมู เนื้อแกะ และเนื้อวัวติดมันน้อยหั่นชิ้น โดยก็สามารถใช้กับผักได้เช่นกัน
เตาอบที่เหมาะสม
ถาดอบที่วางบนตะแกรงกลางของเตาอบควรมีคุณภาพดี เนื่องจากเตาอบลมร้อนเหมาะกับการอบ เนื่องจากลมร้อนจะไหลเวียนได้ ทำให้เนื้อสัตว์และผักเป็นสีน้ำตาลทั่วกัน
ข้อแตกต่างหลักๆ ระหว่างการอบธรรมดากับการอบด้วยน้ำมัน
การอบด้วยน้ำมันมักจะใช้ความร้อนสูงกว่าการอบธรรมดา เป็นเทคนิคการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการอบ เมื่อใช้น้ำมันในการอบ ความร้อนที่เกิดจะสูงกว่าเพื่อให้อาหารสุกและกรอบมากขึ้น
การอบธรรมดา
การอบธรรมดามักใช้กับอาหารที่มีส่วนผสมทำจากแป้งเหลว เช่น ขนมปัง คุกกี้ พาย และมัฟฟิน การอบธรรมดาควรไม่ใส่ส่วนผสมในแป้งโดว์และแป้งเหลวมากเกินไป เพราะอาจทำให้อาหารที่อบแข็งและเหนียวมากขึ้น แนะนำให้ใช้ถ้วยตวงของแห้งที่ขอบด้านบนแบนในการตวงวัตถุดิบ และใช้มีดปาดออกได้เพื่อตักวัตถุดิบเข้าไปในถ้วยอย่างถูกต้อง
การอบด้วยน้ำมัน
การอบด้วยน้ำมันเป็นวิธีการที่ใช้น้ำมันในกระบวนการอบอาหาร การอบด้วยน้ำมันต้องใช้ความร้อนสูงกว่าการอบธรรมดา เพื่อให้อาหารสุกและกรอบมากขึ้น ในกระบวนการนี้ความร้อนจะมาจาก น้ำมัน การอบด้วยน้ำมันเหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการผิวกรอบภายนอกและนุ่มภายใน
คำแนะนำ
- อย่าใส่ส่วนผสมในแป้งโดว์และแป้งเหลวมากเกินไป
- แนะนำให้ใช้ถ้วยตวงของแห้งที่ขอบด้านบนแบนในการตวงวัตถุดิบ
- ใช้มีดปาดออกได้เพื่อตักวัตถุดิบเข้าไปในถ้วยอย่างถูกต้อง
การย่างผิวด้านนอกและการย่างธรรมดา
การย่างผิวด้านนอกและการย่างธรรมดาเป็นวิธีการทำอาหารแบบแห้งที่ใช้ความร้อนจากเปลวไฟเปิดโล่ง การย่างผิวด้านนอกและการย่างธรรมดาแตกต่างกันที่ตำแหน่งของความร้อนที่มาจาก เมื่อย่างผิวด้านนอกความร้อนจะอยู่เหนืออาหาร ส่วนการย่างธรรมดาความร้อนจะมาจากข้างใต้ อาหารจะวางอยู่ใกล้กับความร้อนมากและทำให้ผิวด้านนอกสุกเร็วขึ้น
อาหารที่เหมาะสำหรับการย่างผิวด้านนอกและการย่างธรรมดา
- เนื้อสัตว์ส่วนที่นุ่ม เช่น เนื้อไก่ และเนื้อปลา
การทำบาร์บีคิวแบบตะวันตก
การทำบาร์บีคิวแบบตะวันตกคล้ายกับการย่างของไทย เปลวไฟที่ใช้ มาจากการเผาไม้หรือถ่านทำให้อาหารมีกลิ่นควันที่น่ารับประทาน
อาหารที่เหมาะสำหรับบาร์บีคิวแบบตะวันตก
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อสเต็ก หมู หรือเนื้อปลา
- อาหารอื่นๆ เช่น พิซซ่า และผักที่หลากหลาย
วิธีการทำไข่คน
การทำไข่คนเป็นทักษะการทำอาหารที่สำคัญที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อเป็นเชฟมืออาชีพ
เพื่อเริ่มต้นการทำไข่คน คุณจะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้:
วัตถุดิบที่จำเป็น
- ไข่ 2 ฟอง
- นม 1 ช้อนโต๊ะ
- เนย 2 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำ
- วางกระทะผัดแบบมีฝาปิดลงบนเตาและตั้งไฟกลาง
- ละลายเนย 2 ช้อนโต๊ะลงบนกระทะ
- ตีไข่ 2 ฟองกับนม 1 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกันในชาม
- ใส่ส่วนผสมลงไปบนกระทะและใช้ช้อนไม้หรือไม้พายยางคนจนกว่าส่วนผสมจะเซ็ตตัวและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
วิธีการหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า
การหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้าเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายในการทำข้าวสวยสุกเหมาะสำหรับบ้านไทย
ตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อหุงข้าวให้สุกและอร่อย:
วัตถุดิบที่จำเป็น
- ข้าวสาร
- น้ำเปล่า
- ซาวข้าว
ขั้นตอนการหุงข้าว
- ตักข้าวสารใส่หม้อข้าวตามปริมาณที่ต้องการ
- เติมน้ำเปล่าและซาวข้าวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก
- เช็ดหม้อข้าวให้แห้งแล้วนำหม้อไปใส่ในหม้อหุงข้าว
- กดสวิตช์หรือตั้งโปรแกรมตามที่ระบุไว้ในวิธีใช้
วิธีการย่างไก่
การย่างไก่เป็นวิธีที่ให้เส้นเนื้อนุ่มโปรดและอร่อยเหมาะสำหรับรับประทานตลอดทั้งปี
ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อให้ได้เมนูอร่อยรับประทาน:
วัตถุดิบที่จำเป็น
- ไก่ทั้งตัว
- น้ำมัน
- เกลือ
- พริกไทย
- สมุนไพรและเครื่องเทศตามใจชอบ
ขั้นตอนการย่างไก่
- ซับไก่ทั้งตัวให้แห้งแล้วปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และสมุนไพรกับเครื่องเทศตามใจชอบ
- วางไก่ลงบนกระทะปิ้งโดยให้ด้านที่เป็นอกอยู่ข้างล่าง
- นำไก่เข้าไปในเตาที่วอร์มไว้ที่อุณหภูมิ 177 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 45-50 นาที
- กลับด้าน แล้วปิ้งต่ออีก 45-50 นาที
คำแนะนำ
เพื่อให้ไก่ย่างทั้งตัวสุกทั่วถึง แนะนำให้ใช้เครื่องปิ้งย่างที่มีอุณหภูมิคงที่และความร้อนที่เท่าเดิม
วิธีการหุงเนื้อสเต็ก
การหุงเนื้อสเต็กเป็นวิธีที่ง่ายและอร่อยในการทำอาหารที่คุณสามารถใช้ตลอดทั้งปี
ตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อให้ได้เนื้อสเต็กอร่อย:
วัตถุดิบที่จำเป็น
- เนื้อสเต็ก
- น้ำมันเล็กน้อย
- เกลือและเครื่องเทศตามใจชอบ
ขั้นตอนการหุงเนื้อสเต็ก
- วางเนื้อสเต็กลงบนกระทะปิ้งโดยให้ด้านที่เป็นอกอยู่ข้างล่าง
- ปรุงรสด้วยเกลือและเครื่องเทศตามใจชอบ
- ปิ้งเนื้อสเต็กในเตาที่วอร์มไว้ที่อุณหภูมิ 177 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 45-50 นาที
- กลับด้านแล้วปิ้งต่ออีก 45-50 นาที
หลังจากที่คุณปึ่งไก่และเนื้อสเต็กได้อร่อยแล้ว คุณสามารถเสิร์ฟอาหารให้ทั้งครอบครัวรับประทานได้แล้ว!
หากคุณเบื่ อหน่ายอาหารเดิมๆ คุณสามารถลองทำเมนูใหม่ๆ ดังนี้ได้เลย:
- ไข่เจียว
- ข้าวผัด
- ผัดซีอิ๊ว
- ต้มยำกุ้ง
- แกงเขียวหวาน
ขั้นตอนการทำเนื้อสเต็ก
1. ซื้อเนื้อสัตว์คุณภาพดีที่หนาอย่างน้อย 1 นิ้ว
2. ปรุงรสด้วยเกลือแล้วทิ้งไว้จนกว่าเนื้อจะได้อุณหภูมิห้อง
3. บนเตาให้แบ่งด้านอุ่นกับด้านร้อนเอาไว้
4. ย่างเนื้อสเต็กลงบนด้านอุ่นก่อนจนเกือบได้อุณหภูมิความสุกที่คุณต้องการ
5. จากนั้นนำมาวางลงด้านร้อนเพื่อให้ผิวด้านนอกเกรียมดูน่ารับประทาน
6. เนื้อสเต็กที่ย่างสุกได้ที่เป็นหนึ่งในเมนูที่ทำง่ายที่สุดและอร่อยที่สุด
7. เสิร์ฟคู่กับสลัดผักและเฟรนช์ฟรายส์
8. เท่านี้ก็อิ่มหนำแล้ว!
ขั้นตอนการนึ่งผัก
1. นึ่งผักในหม้อเพื่อความง่าย
2. ถ้าคุณไม่มีซึ้ง ก็แค่ใส่น้ำสูงประมาณครึ่งนิ้วลงไปต้มในหม้อใบใหญ่
3. ใส่ผักลงไปแล้วปิดฝา
4. ใช้เวลาในการนึ่งผักแต่ละชนิดตามความแข็งของเนื้อสัมผัส
5. การนึ่งสามารถรักษาสีสันและสารอาหารของผักเอาไว ้ได้
6. การนึ่งจึงเป็นวิธีการทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด
7. ผักที่นึ่งได้ที่พอดีจะเพิ่มสีสันและเพิ่มคุณค่าอาหารให้กับมื้อนั้นๆ
เคล็ดลับในการทำเค้ก
1. เวลาอบเค้กให้ทำตามสูตรเป๊ะๆ
2. ใช้วัตถุดิบตามที่บอกไว้ในสูตรและตวงส่วนผสมอย่างระมัดระวัง
3. ทาน้ำมันลงบนถาดเยอะๆ ผสมแป้งแค่พอเป็นเนื้อเดียวกัน
4. คอยดูว่าเค้กที่อบไว้สุกหรือยังโดยการใช้ไม้จิ้มฟันหรือโพรบวัดอุณหภูมิจิ้มลงไป
5. แต่ถ้าขั้นตอนในสูตรเขียนไว้ต่างไปจากนี้ ก็ให้ทำตามสูตร
6. การหัดทำขนมเค้กเป็นทักษะชีวิตที่มีประโยชน์มากๆ แถมยังอร่อยด้วย!
7. ลองทำเค้กช็อคโกแลต เค้กวานิลลา เค้กกาแฟ เค้กเลมอนดริซเซิล และเค้กเรดเวลเวต
เคล็ดลับในการปรุงอาหาร
การตีส่วนผสมให้เหนียวและฟู
ในการตีส่วนผสม เราสามารถใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องผสมอาหารไฟฟ้าเพื่อให้มันเหนียวและฟูขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยต้องให้อากาศเข้าไปในส่วนผสมและเพิ่มปริมาณของส่วนผสม และหลังจากนำผลไม้ตระกูลส้มมาทำอาหาร เราสามารถเปอร์แกะเปลือกด้านนอกของผลไม้ด้วยที่ขูดหรือมีดเพื่อให้เอาเปลือกชั้นนอกออกได้ โดยขอให้ระวังในการขูดชั้นสีขาวใต้เปลือกเพราะจะมีรสขมอยู่ การนวดแป้งคือการกดและพับแป้งโดว์ด้วยฝ่ามือ การนวดแป้งทำให้เกิดกลูเตนในแป้งซึ่งทำให้แป้งโดว์นุ่มและเบากว่าเดิม เทคนิคนี้สามารถนำมาใช้กับการทำแป้งขนมปัง แป้งสโคน และแป้งขนมอบอื่นๆ อีกด้วย
การพับส่วนผสม
การพับส่วนผสมเป็นการผสมส่วนผสมต่างๆ เช่น แป้งเหลวสำหรับทำเค้ก โดยการพับส่วนผสมอย่างเบามือเพื่อไม่ให้ปริมาณของส่วมผสมลดลง อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับวิธีนี้คือชามกับไม้พ ายยาง ใช้ไม้พายตัดตรงกลางของส่วนผสม จากนั้นนำส่วนผสมที่อยู่ในก้นชามขึ้นมาข้างบน ชามควรหมุนตามทิศทางการพับเพื่อให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
การตีส่วนผสม
การตีส่วนผสมเป็นการคนหรือผสมวัตถุดิบด้วยตะกร้อมือหรือส้อม ซึ่งจะทำให้อากาศเข้าไปอยู่ในส่วนผสมทำให้เนื้อนุ่มและเบากว่าเมื่อตีด้วยครีม อย่างไรก็ตาม การตีจะไม่เร็วและแรงเท่าการตีครีม
การแช่อาหาร
การแช่คือการนำอาหารจุ่มลงในน้ำที่ร้อนเกือบถึงจุดเดือด เพื่อดึงกลิ่นและสีสันออกมา เช่นชาทั้งแบบที่อยู่ในถุงและแบบเป็นใบเล็กๆ ก็สามารถใช้วิธีการแช่ในน้ำเช่นเดียวกัน
การบั้งอาหาร
การบั้งคือการกรีดชิ้นเนื้อบางๆ เพื่อทำให้เนื้อนุ่มขึ้น ให้ไขมันไหลออกไป และดึงรสชาติให้ซึมเข้าเนื้อ อาจใช้เป็นเพียงเพื่อความสวยงามบางครั้ง การกรีดเนื้อปลาจะเป็นแนวเฉียงตามขวาง แต่ถ้าเป็นเนื้อสัตว์อื่นๆ จะมักจะกรีดเป็นลายเหลี่ยมเพชร
การลวกเส้นพาสต้า
ในการลวกเส้นพ าสต้าให้สุกพอดีควรลวกให้ได้ความสุกที่ระดับ “อัล เดนเต้” ซึ่งหมายความว่า “ที่ฟัน” และใช้ในการบรรยายถึงเส้นพาสต้าที่สุกจนนุ่มแต่ยังคงความกรุบนิดๆ เมื่อกัดเข้าไปในปาก
การเคี่ยวซอสให้ข้น
การเคี่ยวซอสให้ข้นคือการต้มซอสอย่างรวดเร็วเพื่อให้เข้าสู่ขั้นตอนการข้นความของซอส โดยการต้มอย่างรวดเร็วจะช่วยให้ซอสมีความข้นและเข้มข้นมากขึ้น
วิธีการเตรียมซอสอาหารให้มีรสชาติเข้มข้น
เพื่อให้ซอสอาหารมีรสชาติเข้มข้นมากขึ้น สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. เคลือบภาชนะก่อนการปรุงอาหาร
การเคลือบภาชนะคือการใช้ไขมันเคลือบพื้นผิวของภาชนะเพื่อไม่ให้อาหารติดก้นภาชนะ คุณสามารถใช้เนยหรือน้ำมันทากระทะหรือถาดอบหนึ่งชั้นเพื่อเตรียมภาชนะก่อนปรุงอาหาร
2. การลวกอาหาร
การลวกคือการนำผลไม้ ผัก หรือถั่วเปลือกแข็งใส่ลงไปในน้ำเดือดเพื่อทำให้สุกบางส่วนและทำให้รสชาติและสีสันเข้มขึ้น หลังจากนั้นให้นำไปแช่ในน้ำเย็นเพื่อไม่ให้วัตถุดิบสุกไปมากกว่าเดิม การลวกยังช่วยดึงเปลือกออกจากวัตถุดิบบางอย่าง เช่น มะเขือเทศและอัลมอนด์
3. การทาของเหลว
การทาของเหลวคือการใช้ไขมันหรือของเหลวอื่นๆ ถูลงบนวัตถุดิบขณะทำอาหารเพื่อเพิ่มความชื้นและรสชาติด้วยแปรงทาน้ำมัน
โดยการปฏิบัติตาม ขั้นตอนเหล่านี้ จะช่วยให้ซอสอาหารมีรสชาติเข้มข้นและน่าทานมากขึ้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
ให้เฉพาะภาษาไทย
เคล็ดลับสำหรับการใช้กระทะร้อนให้ปลอดภัย
คำเตือน:เพื่อให้คุณสามารถใช้กระทะร้อนให้ปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ ดังนั้น ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. การจัดการกับกระทะร้อน
หากกระทะร้อนมากเกินไปและเกิดเป็นไฟ ให้ปิดหัวแก๊สทันที แล้วใช้ฝาโลหะ ผ้าหมาด หรือผ้าห่มกันไฟปิดให้สนิท อย่าราดน้ำลงบนน้ำมันร้อนๆ เพื่อป้องกันการกระเด็นของน้ำและการเกิดเปลวไฟ
เมื่อปิดหัวแก๊สแล้ว ควรทิ้งไว้ให้กระทะเย็นลงอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะดำเนินการต่อ
2. ความระมัดระวังในการหั่นอาหาร
ในขณะที่หั่นอาหาร ควรระมัดระวังอย่างมากๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ หากมีการบาดใดๆ เช่นด้วยดามบาด เอามือจุ่มน้ำเย็นทันทีแล้วใช้ผ้าเช็ดมือพันไว้ เพื่อประคบรักษาและลดอาการปวด
3. การปรุงอาหาร
เมื่อปรุงอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก และไข่ ควรให้สุกทั่ว ถึง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคที่อาจเกิดจากอาหารที่ไม่สุกให้พอดี
คุณสามารถใช้เทอร์โมมิเตอร์เพื่อวัดอุณหภูมิอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารสุกทั่วถึง อย่าลืมระมัดระวังเมื่อใช้ความร้อน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบหรือหม้อร้อนๆ เพราะอาหารร้อนมากพอที่จะทำให้คุณเผลอปวดแสบ
ระวังอย่าให้น้ำมันกระเด็นสู่ผิวและระวังเรื่องการแพ้อาหาร และรู้จักคุณสมบัติที่ไม่ควรรับประทานหรือเป็นพิษของอาหารต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และให้ข้อมูลที่จำเป็นในการใช้กระทะร้อนในการทำอาหารของคุณ