หากคุณใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และต้องการปิด Caps Lock เพื่อให้ไม่มีการพิมพ์ทุกตัวอักษรเป็นตัวพิมพ์ใหญ่อัตโนมัติ คุณสามารถทำได้โดยง่ายในระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Mac ของคุณ
เพื่อปิด Caps Lock ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows คุณสามารถทำได้โดยกดปุ่ม “Caps Lock” อีกครั้ง เมื่อนั้น Caps Lock จะถูกปิดลงและคุณจะไม่สามารถพิมพ์ในรูปแบบตัวพิมพ์ใหญ่ได้อีก
ในกรณีที่ปุ่ม Caps Lock ค้างอยู่ คุณอาจต้องแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะสามารถปิด Caps Lock ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้กดปุ่ม Caps Lock อีกครั้งเพื่อปิดการใช้งาน
นอกจากนี้ หากคุณไม่ต้องการใช้งาน Caps Lock เลยก็สามารถปิดการใช้งานได้โดยตรง วิธีนี้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ คุณสามารถปิด Caps Lock โดยการไปที่ตัวเลือกต่างๆ ในเมนูของระบบปฏิบัติการของคุณ
การปิด Caps Lock จะช่วยให้คุณป้องกันการพิมพ์ทุกตัวอักษรให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่อัต โนมัติ และทำให้คุณสามารถควบคุมการใช้งาน Caps Lock ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีปิดการใช้งาน Caps Lock ใน Windows และ Mac
การปิด Caps Lock ในคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ง่ายๆ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
การปิด Caps Lock ใน Windows

หากคุณต้องการปิด Caps Lock ใน Windows สามารถทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ดทำงานได้ตามปกติ
- กดปุ่ม Caps Lock อีกครั้ง เพื่อปิดการใช้งาน
หากปุ่ม Caps Lock ยังค้างอยู่หลังจากกดปิด อาจเกิดจากความเสียหายภายในปุ่ม ในกรณีนี้คุณสามารถทำความสะอาดปุ่มได้โดยฉีดอากาศอัดกระป๋องหรือใช้คอตตอนบัดจุ่มแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดแผลและเช็ดอย่างระวัง
การปิด Caps Lock ใน Mac
หากคุณใช้งาน Mac และต้องการปิด Caps Lock สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
- เปิด Apple menu ด้วยการคลิกที่ไอคอน Apple
- เลือก Restart…
- คลิก Restart เพื่อรีสตาร์ท Mac
เมื่อ Mac รีสตาร์ทขึ้นมาใหม่ ปุ่ม Caps Lock ที่ค้างหรือเสียก็จะหายไป
โดยปกติแล้ว การปิด Caps Lock ใน Windows และ Mac สามารถทำได้ง่ายๆ ด ้วยการกดปุ่ม Caps Lock อีกครั้ง เพื่อปิดการใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากปุ่ม Caps Lock ยังค้างอยู่หลังจากกดปิด คุณควรทำความสะอาดปุ่มให้สะอาดและรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์หรือ Mac เพื่อแก้ไขปัญหา
วิธีปิดการใช้งาน Caps Lock ใน Windows
เมื่อคุณต้องการปิดการใช้งาน Caps Lock ใน Windows ของคุณ สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. เปิดโปรแกรม Notepad
เริ่มต้นโดยคลิกที่โลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วพิมพ์ “notepad” เพื่อค้นหาโปรแกรม Notepad ในคอมพิวเตอร์ของคุณ จากนั้นเลือก Notepad จากผลลัพธ์ที่แสดง
2. พิมพ์โค้ดปิดการทำงาน Caps Lock
ในหน้าต่าง Notepad ที่เปิดขึ้นมา พิมพ์โค้ดต่อไปนี้:
Windows Registry Editor Version 5.00 [HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Keyboard Layout] "Scancode Map"=hex:00,00,00,00,00,00,00,00,02,00,00,00,00,00,3a,00,00,00,00,00
3. บันทึกไฟล์
คลิกที่เมนู “File” ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง Notepad แล้วเลือก “Save As…” เพื่อเปิดหน้าต่าง “Save As”
ในหน้าต่าง “Save As”, ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- พิมพ์ชื่อไฟล์ในช่อง “File name” แล้วใส่นามสกุลไฟล์เป็น “.reg”
- คลิกช่อง “Save as type” เพื่อเลือกประเภทไฟล์
- ในเมนูที่แสดงขึ้นมา เลือก “All Files”
- เลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเซฟไฟล์ลงในนั้น (เช่น Desktop)
- คล ิก “Save” เพื่อบันทึกไฟล์
4. ติดตั้งไฟล์ Registry
ไปยังโฟลเดอร์ที่คุณเซฟไฟล์ไว้ (ถ้าคุณเลือกเซฟลง Desktop ก็ให้เปิดหน้าต่างที่เปิดไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้)
ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ที่คุณเซฟ จากนั้นคลิก “Yes” ในหน้าต่างแจ้งเตือนว่าคุณต้องการรวมไฟล์ Registry
หลังจากนั้น จะมีแจ้งเตือนขึ้นว่าคุณได้เปลี่ยนแปลง Registry เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ปิดการใช้งาน Caps Lock ใน Mac
เพื่อปรับแต่งการใช้งาน Caps Lock ในเครื่อง Mac ของคุณได้อย่างถูกต้องและสะดวกสบาย ตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อปิดการใช้งาน Caps Lock:
1. เปิดเมนู Apple
คลิกโลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ Mac ของคุณ แล้วเมนูจะขยายลงมา
2. เข้าสู่หน้าต่าง System Preferences
คลิก “System Preferences” ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง System Preferences
3. เข้าสู่การตั้งค่า Keyboard
คลิก “Keyboard” ที่เป็นไอคอนรูปคีย์บอร์ด ในหน้าต่าง System Preferences เพื่อเปิดหน้าต่าง Keyboard
4. ปรับแต่ง Caps Lock
คลิกที่แท็บ “Keyboard” ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง Keyboard จากนั้นคลิก “Modifier Keys…” ที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง Keyboard เพื่อเปิดหน้าต่าง pop-up
ในหน้าต่าง pop-up ที่ปรากฏ คลิกช่อง “Caps Lock” ให้ขยายลงมา ซึ่งจะอยู่กลางหน้าต่าง pop-up คลิกแล้วเมนูจะขยายลงมา
คลิก “No Action” ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อไม่ตั้งค่าใดๆ สำหรับปุ่ม Caps Lock
หมายเหตุ:
ถ้าคุณใช้ Mac ที่มี Touch Bar แทนปุ่มฟังก์ชั่นเป็นแถว คลิก “Escape” เพื่อตั้งค่าฟังก์ชั่น “Escape” สำหรับปุ่ม Caps Lock และคลิก “OK” เพื่อเซฟการตั้งค่าใหม่
หลังจ ากที่คุณปรับแต่งการใช้งาน Caps Lock แล้ว คลิกปุ่มสีฟ้าท้ายหน้าต่าง pop-up เพื่อเซฟการตั้งค่าใหม่
เมื่อทำขั้นตอนเหล่านี้แล้ว การกดปุ่ม Caps Lock จะไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณยังสามารถใช้งาน Caps Lock ได้หลังจากที่ปรับแต่งแล้ว โปรดรีสตาร์ท Mac เพื่อให้การตั้งค่ามีผลถูกต้อง โดยคลิก Apple menu แล้วเลือก “Restart…” และคลิก “Restart” เมื่อต้องการรีสตาร์ท
ตามขั้นตอนด้านบนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปิดการใช้งาน Caps Lock ใน Mac ของคุณ ให้คุณสามารถปรับแต่งการใช้งานตามความต้องการของคุณได้อย่างถูกต้องและสะดวกสบาย
คุณกำลังดูโพสต์นี้ วิธีการ ปิด Caps Lock