ถ้าอยากเปลี่ยนสีผมให้สวยปัง คนเหลียวหลังมอง ต้องลองสีขาว เวลากัดสีผมเตรียมย้อม อาจมีปัญหาผมแห้งได้ แต่ถ้าทำถูกวิธี ผมจะไม่เสียระยะยาวแน่นอน บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการกัดสีผมแล้วใช้ toner ให้ผมออกมาขาวสวยในโทนสีที่คุณต้องการ
คุณกำลังดูโพสต์นี้ วิธีการ ย้อมผมให้เป็นสีขาว
รักษาสุขภาพผม
ตรวจสุขภาพผมก่อนกัดสี
- ผมต้องแข็งแรงสุขภาพดีมากๆ ก่อนกัดสีผมอย่างน้อย 1 อาทิตย์
- ห้ามใช้หรือทำอะไรที่ทำร้ายเส้นผมโดยเฉพาะการใช้ความร้อนและสารเคมี
บำรุงผมก่อนกัดสี
- บำรุงผมให้กลับมาสุขภาพดีก่อน
- งดใช้ไดร์เป่าหลังสระผม และอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ
- ใช้ทรีตเม้นท์หรือครีมนวดสูตรเข้มข้น
- หมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าวอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนกัดสีผม
- กัดสีผมด้วยวิธีที่ถูกต้อง
- อย่าใช้สารเคมีกับเส้นผม ต้องสุขภาพผมแข็งแรงก่อน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่าค่า pH ต่ำ มีน้ำมัน (อาร์แกน อะโวคาโด หรือมะกอก), glycerin, glyceryl stearate, propylene glycol, sodium lactate, sodium PCA และแอลกอฮอล์ที่ขึ้นต้นด้วย “c” หรือ “s”
- เลือกผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมให้ดีๆ ใช้แชมพูกับยานวดที่บำรุงหรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผมเท่านั้น
- อย่าแต่ง
คำแนะนำในการซื้ออุปกรณ์ย้อมผมและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
วิธีการซื้ออุปกรณ์
- รวบรวมอุปกรณ์ไปตามเคาน์เตอร์แบรนด์หรือร้านที่เน้นขายผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
- สอบถามช่างทำผมประจำตัวเพื่อขอคำแนะนำ
- เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและอยู่ในราคาที่เหมาะสม
สิ่งที่ควรซื้อ
- ผงกัดสีผม (bleach powder) แบบกระปุก
- ครีม developer แบบ volume 20
- toner สีขาว
- red gold corrector (ไม่จำเป็น)
- แชมพูกำจัดโทนสีเหลือง/ทองเหลือง
- ครีมนวดสำหรับ toning
- อุปกรณ์ย้อมผม เช่น แปรงย้อมผม ชามพลาสติก ช้อนพลาสติก ถุงมือ กิ๊บพลาสติก ผ้าเช็ดหัว/ตัว และแรปพลาสติกใส หรือหมวกอาบน้ำ
วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมที่กัดสีให้ขาว/เหลืองโดยเฉพาะ
- เลือก toner ที่เหมาะกับสีผิวและสีผม
- ใช้ red gold corrector หากผมเข้มหรือมีโทนสีแดงหรือทองสนิม
วิธีการกัดสีผมอย่างปลอดภัย
การทดสอบอาการแพ้ก่อนกัดสีผม

- ทำ patch test และ strand test ก่อนกัดสีผม
- ทิ้ง patch test ไว้หลังใบหู 30 นาที แล้วตรวจสอบว่าไม่มีอาการแพ้
- ใช้ strand test เพื่อทดสอบเวลาที่ต้องกัดสีและไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
การเตรียมตัวก่อนกัดสีผม
- สวมเสื้อผ้าเก่าหรือชุดที่ไม่เป็นไร
- ใช้ผ้าขนหนูคลุมไหล่ และเตรียมผ้าไว้สำหรับเช็ดน้ำยากัดสีผมที่เทอะเทอะ
- สวมถุงมือเพื่อป้องกันสารเคมีจากการกัดผิว
ขั้นตอนการกัดสีผม
- เตรียมส่วนผสมโดยผสมผงกัดสีผมและ developer ในสัดส่วน 1:1
- เติม red gold corrector ตามวิธีการข้างฉลาก
- ใช้แปรงย้อมผมทาส่วนผสมที่ผมจากปลายผมไปหาโคน โดยเว้นระยะห่างจากโคนผมไว้ประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.)
- รอ 24 ชั่วโมงก่อนสระผม
- เช็คว่าส่วนผสมซึมซาบดีหรือยัง โดยขยี้ผมหาส่วนที่รู้สึกว่าแห้งกว่าจุดอื่น แล้วลงส่วนผสมและขยี้เพิ่ม
- ใช้กระจกส่องหลังหัวเพื่อตรวจสอบส่วนที่กั
ดูแลผมสีขาว
การออกแบบทรงผม
- อ่อนโยนกับผมตัวเองมากๆ
- หลีกเลี่ยงการแต่งทรงด้วยความร้อน
- พยายามปล่อยให้ผมแห้งเอง
- ถ้าต้องใช้ไดร์เป่าจริงๆ ให้ใช้ลมเย็นสุด
- อย่าหวีแรงหรือบ่อยเกินไป รวมถึงหนีบผมตรงหรือม้วนผมด้วย
- ถ้าจำเป็นต้องหนีบผมตรงจริงๆ ให้ใช้ไดร์กับแปรงกลมแทนที่หนีบหรือรีดผม
- ใช้หวีซี่ห่าง
การดูแลและทำความสะอาดผม
- อย่าสระผมบ่อยเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูหลังกัดสีผม
- เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม
- อย่าเช็ดผมหลังสระ ให้ใช้ผ้าซับแล้วบีบเบาๆ ให้ผมแห้งแทน
- บำรุงผมล้ำลึกอาทิตย์ละ 1 ครั้งขึ้นไป
การใช้ toner
- หมั่นลง toner ซ้ำให้ผมยังเป็นสีขาวอยู่
- ใช้ toner ประจำ เช่น ทุก 1 – 2 อาทิตย์
วิธีกัดสีโคนผม
1. ไม่ให้โคนผมยาวดำเกินไป
- กัดสีทันทีเมื่อสีโคนผมโผล่มาเกิน 1 นิ้ว (2.5 ซม.)
- กัดสีโคนผมทุก 2 เดือนเพื่อให้ผมยาวประมาณเดือนละ 0.5 นิ้ว (1 ซม.)
2. ผสมน้ำยากัดสีผม
- ผสมผงกัดสีผมกับ developer ในสัด:1 แล้วเติม red gold corrector ตามคำแนะนำที่ฉลาก
- ลงน้ำยาที่โคนผมที่แห้งสนิทและยังไม่ได้สระ ด้วยแปรงย้อมผม
- เช็คสีผมเป็นระยะ และไม่กัดสีเยอะหรือนานเกินไป
3. ล้างน้ำยากัดสีผม
- สระผมกำจัดน้ำยากัดสี ด้วยน้ำเย็น
- ล้าง toner จากผม และใช้ผ้าสะอาดบีบผมเบาๆ กำจัดน้ำส่วนเกิน
4. ลง toner ที่ผม
- ให้เตรียม toner แล้วทาตามโคนผมด้วยแปรง
- เช็คสีผมทุก 10 นาที
5. สรุป
- ต้องหมั่นเช็คสีผมทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้ผมกลายเป็นสีฟ้า เงิน หรือม่วง
แก้ปัญหาที่พบบ่อย
1. อย่าเพิ่งช็อคถ้าน้ำยากัดสีผมหมดกะทันหันก่อนจะใช้ครบทั้งหัว.
- ถ้าทำไปเรื่อยๆ แล้วพบว่าน้ำยากัดสีผมไม่พอจะใช้ทั้งหัว ก็อย่าเพิ่งทำอะไรไม่ถูก
- ถ้าน้ำยากัดสีหมดกะทันหัน แต่ยังเหลือวัตถุดิบที่ยังไม่ผสม ก็ให้รีบผสมซะแล้วทาต่อ รับรองใช้เวลาไม่เกิน 2 – 3 นาที
- ถ้าหมดแบบต้องไปหาซื้อ ก็กัดสีไปเท่าที่มีก่อน (แล้วทิ้งไว้จนผมเป็นสีขาวเหลือง หรือจนกว่าจะครบ 50 นาที แล้วแต่ว่าอย่างไหนมาก่อน) พอสะดวกค่อยหาซื้อวัตถุดิบมาผสมเพิ่ม แล้วกัดสีผมส่วนที่เหลือต่อ
2. กำจัดด่างดวงจากเสื้อผ้าที่ถูกกัดสี.
- ถ้าใส่เสื้อผ้าเก่าและคลุมด้วยผ้าขนหนูไว้แล้ว แต่ยังมีเหตุให้อะไรที่จะเก็บไว้เลอะหรือด่างจนได้ ก็ลองกำจัดคราบด้วยวิธีต่อไปนี้ดู
- เอาสำลีก้อนชุบเหล้าสีใส เช่น จินหรือวอดก้า
- เอาไปเช็ดคราบและบริเวณโดยรอบ เพื่อให้สีของผ้าลามมายังจุดที่ถูกกัดสี
เคล็ดลับ
การกัดสีผมเป็นสีขาว
- ต้องหมั่นดูแลตัวเอง เพราะขั้นตอนเยอะมาก และต้องดูแลเรื่อยๆ
- คิดดีๆ ก่อนว่าคุณพร้อมทุ่มเทขนาดนั้นไหม
- ถ้าไม่มีเวลา หรือกลัวทำไม่เป็น หรือกลัวผมเสีย ก็ให้ไปกัดสีผมกับช่างมืออาชีพที่ร้านแทน
- ครั้งแรกที่จะกัดสีผม ลองไปหาช่างทำผมที่เขาเชี่ยวชาญน่าจะดีกว่า
- ถ้ากัดสีผมไปแล้วสุดท้ายอยากได้สีอื่น ต้องรออย่างน้อย 2 อาทิตย์แล้วค่อยย้อมสีผมถาวร
- ถ้ากัดสีผมไปแล้วสุดท้ายอยากได้สีอื่น อาจจะต้องใช้ filler เติมพิกเมนต์หรือเม็ดสีที่หายไปก่อน แล้วค่อยย้อมผมสีอื่น
- ถ้าไม่แน่ใจว่าผิวแบบเราจะย้อมผมขาวเฉดไหนดี ให้ลองวิกเล่นๆ ดูหลายๆ แบบ แต่ระวังบางร้านเขาก็ไม่ยอมให้ลองเล่นฟรีๆ
การแต่งทรงผมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ
- ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมซะก่อน เช่น สเปรย์ ครีม หรือมูส มีขายตามร้านขายยาและเครื่องสำอางทั่วไป รวมถึงร้านทำผมต่างๆ
คำเตือน
- ระวังผิวหนังศีรษะ – ถ้าไม่สวมถุงมือแล้วมีแผลเปิด อาจทำให้ผิวหนังศีรษะแห้งขาวและแสบเพราะผงกัดสีผม
- ระวังคลอรีนในสระผม – พอว่ายน้ำแล้วโดนคลอรีน ผมจะเปลี่ยนเป็นสีออกเขียวได้ ให้ลงครีมนวดแล้วสวมหมวกว่ายน้ำก่อนว่ายน้ำจริงๆ
- รอเวลาที่เหมาะสม – อย่ารีบกัดสีผมทันทีหลังจากสระผม เพราะผมและหนังศีรษะจะเสียน้ำมันตามธรรมชาติแล้วต้องรออย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ระวังการใช้ความร้อน – ก่อนกัดสีผมอย่าจัดทรงด้วยความร้อน หรือสระด้วยชมพูทั่วไป เพราะอาจทำให้ผมเสียหรือแห้งขาดได้
- อย่ากัดสีผมแรงๆ – ถ้ากัดสีผมแรงๆให้ขาวเร็วทันใจ อาจเสี่ยงทำให้ผมแห้ง เสีย ร่วง หรือน้ำยากัดหนังหัวได้
สิ่งของที่ใช้
- ผงกัดสีผม
- ครีม developer
- red gold corrector
- โทนเนอร์ปรับสีผม (hair toner)
- แชมพูปรับสีผม (toning shampoo)
- แปรงย้อมผม
- ชามผสม
- ถุงมือ
- ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าเช็ดหัว
- แรปพลาสติก