คุณสามารถแต่งเพลงที่มีทำนองที่เพราะที่สุดในโลกได้ แต่ถ้าหากเนื้อเพลงของคุณไม่ดี มันอาจทำให้เพลงของคุณดูด้อยลงไปจากเดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นเพียงแค่คนที่เขียนเนื้อร้องอย่างเดียว หรือคุณแค่ต้องการเขียนเนื้อร้องเพื่อเอาไปใส่ทำนองกีตาร์ที่คุณเพิ่งจะแต่งขึ้นมา
การเขียนเนื้อเพลงดีต้องมีขั้นตอนที่เหมาะสม ซึ่งประกอบด้วย:
- วางโครงสร้างของเพลง
- พิจารณาดนตรี
- สร้างคำขึ้นมาใหม่
โดยการวางโครงสร้างของเพลงจะช่วยให้เนื้อเพลงของคุณมีรูปแบบและโครงสร้างที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจและได้รับความสนใจ
การพิจารณาดนตรีจะช่วยให้คุณเลือกใช้ทำนองที่เหมาะสมกับเนื้อเพลง และเพิ่มความสวยงามให้กับเพลงของคุณ

สุดท้าย การสร้างคำขึ้นมาใหม่จะช่วยให้เนื้อเพลงของคุณมีความเป็นส่วนตัวและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
เข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของเพลง
เพลงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของศิลปะที่มีการสร้างสรรค์เนื้อเพลงและทำนองเพื่อสื่อความรู้สึกหรือความคิดของผู้แต่งและผู้รับฟัง การเขียนเนื้อเพลงดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้แต่งต้องใส่ใจในการสร้างเพลงของตนเอง
เข้าใจโครงสร้างของเพลง
เพื่อให้เนื้อเพลงของคุณมีความเป็นระเบียบและเข้าใจได้ง่าย คุณควรที่จะเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของเพลงให้ดีก่อน
เป็นท่อนนำของเพลงที่บอกให้ผู้ฟังรู้สึกตัวเข้ากับเพลง โดยท่อนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทุกๆ เพลง แต่ถ้ามีก็จะช่วยเปิดเผยสไตล์ของเพลงได้ดีขึ้น
เวิร์ส (Verse)
เป็นท่อนหลักของเพลง แต่ละเพลงจะมีหลายเวิร์ส โดยทุกๆ เวิร์สจะมีเนื้อหาและทำนองเพลงที่แตกต่างกันไป
คอรัส (Chorus)
เป็นท่อนที่สำคัญที่สุดในเพลง เนื่องจากเป็นท่อนที่ผู้ฟังจะได้ฟังและร้องร่วมกันมากที่สุด โดยท่อนนี้จะเป็นท่อนที่มีเน
โครงสร้างของเพลง
โครงสร้างของเพลงมีหลายแบบ เช่น AABB, ABA, AAAA, ABCBA, ABABCB, ABACABA และอื่นๆ ดังนั้น ลองเลือกสักหนึ่งแบบมาใช้เขียนเพลงของคุณ
โครงสร้าง AABA
โครงสร้าง AABA เป็นโครงสร้างที่ถูกใช้ในเพลงป๊อปซะส่วนใหญ่ โดยที่ A แทนท่อนเวิร์ส และ B แทนท่อนคอรัส โดยมักจะใช้ A 2 ท่อน และ B 1 ท่อน แล้วก็ท่อนเวิร์สท่อนสุดท้ายอีก 1 ท่อน ในการเขียนเนื้อเพลงด้วยโครงสร้าง AABA นั้นจะช่วยให้เราสามารถกำหนดโครงสร้างของเพลงได้อย่างชัดเจน
อื่นๆ
นอกจากโครงสร้าง AABA แล้ว ยังมีโครงสร้างอื่นๆ เช่น AABB, ABA, AAAA, ABCBA, ABABCB, ABACABA ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะแตกต่างกันไป คุณสามารถเลือกใช้แบบใดก็ได้ตามความต้องการของเพลงของคุณ
ท่อนของเพลง
เพลงแต่ละเพลงมีท่อนของเนื้อเพลงหลายๆ ท่อน ซึ่งแต่ละท่อนก็มีลักษณะและหน้าที่ที่แตกต่างกันไป
ท่อนนี้เป็นท่อนนำของบทเพลง บางครั้งท่อนนี้จะมีทำนองที่ต่างจากท่อนอื่
การเขียนเพลง: วิธีหาแรงบันดาลใจ
ฝึกการใช้กระแสสำนึก
การเขียนโดยใช้กระแสสำนึก คือ การเขียนไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุด แค่เขียนทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมา การทำแบบนี้ช่วยให้คุณรวบรวมไอเดียหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้ และยังเป็นตัวช่วยในการหาไอเดียเมื่อคุณคิดอะไรไม่ออกอีกด้วย
หาแรงบันดาลใจจากเพลงที่คนอื่นแต่ง
การดูเนื้อเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ จะช่วยให้คุณได้ความรู้มากมายจากการวิเคราะห์ว่าอะไรทำให้เพลงนั้นเป็นเพลงที่ดี และอะไรทำให้เพลงนั้นเป็นเพลงที่แย่ ดูด้วยว่าเพลงนั้นพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร และถ่ายทอดออกมาอย่างไร ใช้คำคล้องจองแบบไหน จังหวะของเนื้อเพลงเป็นอย่างไร รวมถึงวิเคราะห์ในส่วนอื่นๆ ด้วย
เลือกแนวเพลงที่ชอบ
ดูว่าตัวคุณเองต้องการเขียนเพลงแนวไหน และดูว่าเนื้อเพลงแบบไหนที่คุณชอบและไม่ชอบ หากคุณต้องการเขียนเพลงสไตล์เดียวกับร็อคเกอร์สาว Avril Lavigne มากกว่าที่จะเขียนเพลงสไตล์คลาสสิกอย
แรงบันดาลใจในการเขียนเพลง
การเขียนเพลงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้แรงบันดาลใจ ดังนั้นหากคุณยังไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ แต่คุณต้องการฝึกทักษะการเขียนเพลงของคุณ มีวิธีการหลายวิธีในการหาแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง ตามด้านล่างนี้
ฝึกการใช้กระแสสำนึก
การเขียนโดยใช้กระแสสำนึก คือ การเขียนไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุด แค่เขียนทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมา การทำแบบนี้ช่วยให้คุณรวบรวมไอเดียหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้ และยังเป็นตัวช่วยในการหาไอเดีย เมื่อคุณคิดอะไรไม่ออกอีกด้วย
หาแรงบันดาลใจจากเพลงที่คนอื่นแต่ง
การศึกษาและวิเคราะห์เนื้อเพลงของศิลปินที่คุณชื่นชอบจะช่วยให้คุณได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงของคุณเอง ดูเนื้อเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ แล้วคุณจะได้ความรู้มากมายจากการวิเคราะห์ว่าอะไรทำให้เพลงนั้นเป็นเพลงที่ดี และอะไรทำให้เพลงนั้นเป็นเพลงที่แย่ และดูด้วยว่าเพลงนั้นพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร และถ่ายท
การเขียนบทเพลง: เขียนลงไปบนกระดาษ
เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกและสิ่งต่างๆ รอบตัว
การเขียนบทเพลงเป็นการสร้างผลงานศิลปะที่จะช่วยให้คุณสื่อสารความรู้สึก ความเชื่อ หรือประสบการณ์ที่เป็นประสบการณ์ของคุณเองได้ผ่านทางคำพูดและเสียงเพลง ดังนั้น หากคุณต้องการเขียนบทเพลง ลองเขียนความรู้สึกของตัวเองลงไปในกระดาษ ลองบรรยายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ และค้นหาคำต่างๆ ที่เหมาะสมในการใช้เพื่อเสริมให้กับบทเพลงของคุณ
การเขียนบ่อยๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน
การฝึกฝนทักษะการเขียนเพลงนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และเป็นการพัฒนาทักษะการเขียนของคุณไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ลองเขียนบ่อยๆ เพื่อทำให้คุณเริ่มเข้าใจวิธีการแสดงความรู้สึกของคุณผ่านทางคำและเสียงเพลง
การใช้คำต่างๆ ในการเพิ่มความหมายให้กับบทเพลง
การใช้คำต่างๆ ในการเพิ่มความหมายให้กับบทเพลงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้บทเพลงของคุณมีค่ามากยิ่งข
สร้างสรรค์เนื้อเพลงด้วยการใช้คำ
การใช้คำพูดที่แตกต่างจากคำพูดทั่วไปจะช่วยให้เนื้อเพลงของคุณมีความสมบูรณ์และน่าจดจำมากขึ้น
ใช้การบรรยายแทนการบอกเล่าตรงๆ
การบรรยายประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกของคุณจะช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของคุณได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่การกำหนดให้ผู้ฟังรู้สึกหรือคิดอย่างที่คุณต้องการ
ตัวอย่างเช่น เพลง The Animals Were Gone ของ Damien Rice ที่ใช้คำว่า “At night I dream without you, and hope I don’t wake up; ‘Cause waking up without you is like drinking from an empty cup” ซึ่งแปลว่า “ในค่ำคืนนี้ฉันฝันโดยที่ไม่มีคุณ และหวังว่าฉันจะไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก เพราะการตื่นขึ้นมาโดยไม่มีคุณนั้นก็เหมือนกับการดื่มน้ำจากแก้วเปล่า” จะเห็นได้ว่าผู้แต่งใช้วิธีการบรรยายประสบการณ์แทนการพูดออกมาตรงๆ เพื่อสร้างความรู้สึก
ใช้คำคล้องจองอย่างพอดี
การใช้คำที่มีความหมายสอดคล้องกันและเหมาะสมกับเนื้อเพลงจะช่วยให้เนื้อเพลงของคุณมีความสมบูรณ์และต่อเนื่องกันได้ดี
ตัวอย่าง
คำว่า “รัก”
การเขียนเนื้อเพลง: หลีกเลี่ยงคำคล้องจอง
คำคล้องจองทำให้เนื้อเพลงดูเลี่ยนๆ

การใช้คำคล้องจองเยอะเกินไปในเนื้อเพลงอาจทำให้เนื้อเพลงดูเลี่ยนๆ และไม่น่าจดจำ เนื้อเพลงที่ดีควรจะทำให้คนฟังหรือคนอ่านมีอารมณ์ร่วมได้ โดยผู้เขียนต้องบรรยายประสบการณ์ออกมา ไม่ใช่มากำหนดว่าคนฟังต้องรู้สึกยังไง
เลือกใช้คำธรรมชาติ
คำที่ใช้ในเนื้อเพลงควรจะดูเป็นธรรมชาติด้วย อย่าใช้คำหรือวลีที่แปลกประหลาด เพียงเพื่อแค่จะทำให้มันคล้องจองกัน และจริงๆ แล้ว เนื้อเพลงของคุณไม่จำเป็นต้องมีคำคล้องจองกันก็ได้
ตัวอย่างเนื้อเพลงที่ดีและแย่
เพื่อประกอบความเข้าใจ นี่คือตัวอย่างของเนื้อเพลงที่ดีและแย่
ตัวอย่างที่ดี: ใช้การบรรยายแทนการบอกเล่าตรงๆ จะทำให้เนื้อเพลงดูน่าจดจำและเข้าใจง่าย เช่น “ตื่นแต่เช้า ปลุกตัวเองด้วยเพลงเพราะๆ สักเพลงหนึ่ง/จากแผ่นที่เธอเขียนให้เราเมื่อวันก่อน/อ่านหนังสือ บทกวีที่เธอเคยร้องไห้เมื่อได้อ่าน/เธอบอกว่าเรารู้ส
หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ซ้ำซ้อน
คุณต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ฟังแล้วเบื่อหู เพราะว่ามันจะทำให้เพลงของคุณไม่เด่น หากในเพลงของคุณมีใครสักคนคุกเข่าลง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขากำลังขอร้อง) หรือหากมีใครสักคนเดินไปตามถนน (ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งหรือตัวคุณเอง) มันจะดูน่าเบื่อมาก เพราะคนอื่นก็เอาเนื้อหาแบบนี้ไปเขียนกันเยอะแล้ว
หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ซ้ำซ้อนด้วยการใช้คำที่เหมือนหมาย
หากคุณต้องการใช้คำที่เดียวกันหลายครั้งในเนื้อเพลง เช่น คำว่า “รัก” หรือ “เธอ” ให้ลองหาคำที่เหมือนหมายกันมาใช้แทน เช่น “ความรัก” หรือ “คนที่ฉันรัก” หรือ “เพื่อนสนิท” และ “ผู้หญิง” หรือ “ใครสักคน”
ใช้คำบอกเล่าเพื่อสร้างภาพในจินตนาการ
ใช้คำบอกเล่าเพื่อสร้างภาพในจินตนาการของผู้ฟัง เช่น ไม่ควรเขียนว่า “เมื่อฉันเห็นภาพของเธอ ฉันรู้สึกดีมาก” แต่ควรเขียนว่า “เหมือนเมื่อเรามองภาพทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ตกดินและสายฟ้าที่สวยงามเมื่อเราเดินทางในที่ส
การเขียนเนื้อเพลงที่เด่นทำนอง
เข้าใจเครื่องหมายทางดนตรี
การเข้าใจเครื่องหมายทางดนตรี (ห้องเพลง ตัวโน้ต เครื่องหมายหยุด และอื่นๆ ) แต่ละตัวนั้นมีหน้าที่อย่างไรนั้น ก็เพื่อที่จะได้แน่ใจว่าเนื้อเพลงของคุณนั้นเข้ากับทำนองเพลงหรือเปล่า คำแนะนำที่ง่ายที่สุดก็คือ คุณต้องแน่ใจว่าในแต่ละบรรทัดนั้นไม่มีคำที่มีพยางค์เยอะจนเกินไป และจังหวะของคำก็ต้องคงที่ (อย่ารวบคำเยอะจนเกินไป)
หลีกเลี่ยงคำที่ซ้ำซ้อนและมีพยางค์เยอะ
คุณต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ฟังแล้วเบื่อหู เพราะว่ามันจะทำให้เพลงของคุณไม่เด่น และไม่ควรใส่จังหวะของคำให้ติดกันเกินไป จนไม่มีช่องว่างระหว่างคำเลย
ทำให้ทำนองเพลงอยู่ในช่วงเสียงเดียวกัน
คุณควรทำให้ทำนองเพลงอยู่ในช่วงเสียงเดียวกัน เพื่อที่คนร้องจะได้ร้องง่ายๆ และเว้นช่องว่างให้คนร้องพักหายใจ
เริ่มต้นเขียนเนื้อเพลงกับทำนองเพลงที่ถูกแต่งไว้แล้ว
เมื่อคุณเพิ่งจะเริ่มหัดเขียนเพลง คุณน่าจ
การร้องเพลงแบบมีช่วงพักหายใจ
นักร้องเป็นคนๆ หนึ่งที่ต้องการช่วงพักหายใจ เพื่อไม่ให้เสียเสียงและเพื่อเว้นช่วงให้ผู้ฟังได้ฟังและวิเคราะห์เนื้อเพลงได้อย่างเต็มที่
จำนวนจังหวะที่เหมาะสม
ในการร้องเพลงแบบมีช่วงพักหายใจ จำนวนจังหวะที่เหมาะสมคือ 2 ถึง 4 จังหวะ เพื่อให้ผู้ร้องสามารถมีช่วงพักหายใจได้เพียงพอ และไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเพลงเต็มไปด้วยคำร้องโดยไม่มีช่วงเว้นว่างเลย
ตัวอย่างการใช้ช่วงว่างในเพลงชาติไทย
ตัวอย่างที่ดีของการใช้ช่วงว่างในเพลงคือเพลงชาติไทย หลังจากประโยค “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” ก็จะมีช่วงที่เว้นว่างก่อนที่จะเข้าท่อน “เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน” เพื่อให้คนร้องได้พักหายใจจากท่อนแรก
การแบ่งแยกเนื้อเพลง
การแบ่งแยกเนื้อเพลงเป็นช่วงๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้ร้องได้มีช่วงพักหายใจ และผู้ฟังสามารถเข้าใจเนื้อเพลงได้ง่ายขึ้น
วิธีการเขียนเนื้อเพลงให้มีคุณภาพ
การวิเคราะห์เนื้อเพลง
เมื่อเขียนเนื้อเพลงเสร็จแล้ว จำเป็นต้องวิเคราะห์เนื้อเพลงเพื่อปรับปรุงและประสานให้มีความสมดุลกัน ให้ลองอ่านและเตรียมตัวโดยการตั้งคำถามต่อตัวเองว่ามันเป็นแบบการเล่าเรื่อง การเปิดเผยข้อมูล หรือว่าการพรรณนา หรือเป็นการเรียกร้องให้ทำอะไรหรือไม่ การชี้แนะแนวทางหรือไม่ หรือเป็นแนวปรัชญา หรือการสะท้อนสังคม โดยให้คิดว่าแต่ละส่วนของเนื้อเพลงมีการเชื่อมโยงกันหรือไม่ และอย่าลืมตรวจสอบความสมดุลของเนื้อเพลงว่ามีส่วนไหนที่ต้องเพิ่มหรือลดอย่างไร และต้องการการซ้ำบรรทัดเดิมหรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าเมื่อคนฟังเพลงครั้งแรกจะจำได้แค่ส่วนที่เด่นที่สุดของเพลงเท่านั้น
การแก้ไขเนื้อเพลง
ไม่ต้องกังวลหากเนื้อเพลงที่เขียนเสร็จไปแล้วไม่เป็นที่สมบูรณ์ สามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ โดยควรพิจารณาแก้ไขท่อนเวอร์สทั้งท่อน หรือปรับเปลี่ยนความหมายของเนื้อเพลงให้เป็นอีกแบบหนึ่งได้ ซึ่งการแก้ไข
แบ่งปันผลงานเพื่อทำให้โลกดูดีขึ้น
การแบ่งปันผลงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อทำให้โลกดูดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องแย่หรือผิดหวังหากคุณเป็นคนขี้อาย แต่คุณสามารถนำผลงานที่คุณสร้างขึ้นมาแชร์ให้คนอื่นได้รับรู้ได้อย่างง่ายดาย
ไม่จำเป็นต้องออกไปเปิดคอนเสิร์ต
ไม่ใช่เรื่องจำเป็นว่าคุณต้องออกไปเปิดคอนเสิร์ตข้างนอกหรือทำอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย แต่คุณสามารถนำเพลงที่คุณสร้างมาอัดเป็นวิดีโอหรือไฟล์เสียงแล้วแชร์ให้คนอื่นได้ฟังได้อย่างง่ายดาย
ซ่อนผลงานไม่ได้เป็นประโยชน์
การซ่อนผลงานที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์ ให้คุณนำผลงานที่คุณสร้างมาแชร์ให้คนอื่นได้ฟังหรือเห็นได้ เพื่อให้คนอื่นได้รับประสบการณ์และความรู้สึกที่ดีจากผลงานของคุณ
การเขียนเพลง: วิธีเพิ่มทักษะเพื่อเตรียมตัวก่อนเขียนเพลง
หาตัวช่วยพิเศษ
หากคุณเคยเขียนแค่เนื้อเพลงและไม่เคยแต่งทำนองดนตรีมาก่อน คุณอาจเรียนรู้วิธีการแต่งเพลงจากที่ไหนสักแห่งก็ได้ การแต่งทำนองดนตรีนั้นก็ไม่ต่างจากการเขียนเพลงสักเท่าไร บนอินเตอร์เน็ตก็มีการสอนพื้นฐานการแต่งเพลงมากมาย คุณสามารถศึกษาได้จากในนั้น
เรียนรู้การอ่านโน้ตดนตรี
แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมาก แต่การมีความรู้พื้นฐานในการอ่านโน้ตนั้นจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการเขียนเพลงได้ หากคุณอ่านโน้ตเป็น คุณจะได้เขียนโน้ตด้วยตัวเองแล้วให้นักดนตรีคนอื่นเล่นให้คุณได้
ปรับปรุงวิธีการร้องเพลง
การปรับปรุงการร้องให้ดีขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถหาโน้ตที่คุณต้องการจะนำมาใส่ในเพลงได้ พัฒนาทักษะการร้องของคุณให้ดียิ่งขึ้น แล้วคุณจะประหลาดใจว่ามันช่วยคุณได้มากเลยทีเดียว
ฝึกเครื่องดนตรีขั้นพื้นฐาน
การมีความรู้พื้นฐานเกี่
เคล็ดลับสำหรับการเขียนเพลง
เขียนเนื้อเพลงก่อน
การเขียนเนื้อเพลงก่อนเป็นอันดับแรกจะทำให้ง่ายกว่าในการแต่งทำนองดนตรีให้เข้ากับชื่อเพลง ซึ่งการแต่งทำนองดนตรีนั้นก็ไม่ต่างจากการเขียนเพลงสักเท่าไร บนอินเตอร์เน็ตก็มีการสอนพื้นฐานการแต่งเพลงมากมาย คุณสามารถศึกษาได้จากที่ไหนก็ได้
เก็บเพลงที่เขียนไม่เสร็จไว้
หากคุณมีเพลงที่เขียนไม่เสร็จ ให้คุณเก็บไว้ เพราะคุณสามารถเอาไอเดียจากเพลงที่คุณไม่ได้ใช้ มาปะติดปะต่อกันเป็นเพลงใหม่ได้
อย่ากลัวที่จะลอง
การเขียนเพลงนั้นเป็นเรื่องที่สนุก และเป็นช่องทางที่ดีในการระบายความรู้สึกของตัวคุณเอง อย่ากลัวที่จะลองเขียนเพลง เพราะมันจะง่ายขึ้นไปอีกหลายเท่า และอย่าลืมว่าการเขียนเพลงเป็นการเรียนรู้ เรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงตนเองต่อไป
หาแรงบันดาลใจ
การหาแรงบันดาลใจนั้นบางทีก็เป็นเรื่องที่ยาก ลองหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอ แล้วคุณจะเจอสิ่งที่ยอดเยี่ยมเอง หากคุณพยายามห
การเขียนเนื้อเพลง
การใช้คำคล้องจอง
การใช้คำคล้องจองเกินไปอาจทำให้เนื้อเพลงดูน่ารำคาญและไม่น่าสนใจ ควรเลือกใช้คำที่สร้างสรรค์และเป็นเอกลักษณ์ของตัวคุณเอง เพราะเพลงส่วนใหญ่ที่มีการใช้คำที่แปลกใหม่จะได้รับความนิยมมากกว่า
การให้แรงบันดาลใจ
หากคุณไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนเนื้อเพลง คุณสามารถหาจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันหรือสิ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของคุณ คุณสามารถอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือดูภาพยนตร์เพื่อหาแรงบันดาลใจได้ โดยอย่าลืมบันทึกไว้ในโน้ตบุ๊คหรือโทรศัพท์มือถือ
อุปกรณ์ที่ใช้
สำหรับการเขียนเนื้อเพลง คุณจำเป็นต้องใช้ดินสอหรือปากกา เครื่องดนตรีเพื่อใช้สร้างทำนองเพลง และกระดาษหรือคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนเนื้อเพลง อย่างไรก็ตามหากไม่มีดินสอหรือปากกา คุณสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเป็นตัวช่วยได้ในขณะนั้น
คุณกำลังดูโพสต์นี้ วิธีการ เขียนเนื้อเพลง