คำสั่ง Ping ใช้ทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อระหว่างคอมของคุณกับแม่ข่ายปลายทางได้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการใช้ คำสั่ง Ping ในคอมทุกระบบให้คุณเอง
คุณกำลังดูโพสต์นี้ วิธีการ ใช้คำสั่ง Ping ทดสอบ IP Address
วิธีการใช้คำสั่ง Ping บนระบบปฏิบัติการ Windows, Mac OS X และ Linux
วิธีการ 1
- เปิด Command Prompt หรือ Terminal ขึ้นมา
- พิมพ์คำสั่ง ping hostname หรือ ping IP address โดยที่ hostname คือชื่อเว็บหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ ping และ IP address คือตำแหน่งในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์
- กด Enter เพื่อรันคำสั่ง ping
- อ่านผลลัพธ์ที่ได้จากคำสั่ง ping ที่แสดงอยู่ล่างหน้าต่าง command prompt หรือ terminal
โดยทั่วไปแล้ว hostname จะเป็น address ของเว็บไซต์ ให้แทนที่ hostname ด้วยเว็บหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ ping เช่น ถ้าต้องการ ping หน้าเว็บหลักของ How ให้พิมพ์ ping www..com ส่วน IP address ก็คือตำแหน่งในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ โดยไม่ว่าจะเป็น local หรือออนไลน์ก็ตาม ถ้ารู้ IP address ที่ต้องการ ping ให้พิมพ์แทนที่ IP address เลย เช่น ถ้าต้องการ ping IP address 192.168.1.1 ก็ให้พิมพ์ ping 192.168.1.1
วิธีการ 2
- เปิด Command Prompt โดยคลิกปุ่ม Start แล้วพิมพ์ cmd ในช่องค้นหา สำหรับ Windows หรือเปิด Terminal จากโฟลเดอร์ Applications แล้วเลือก Terminal สำหรับ Mac OS X หรือเปิดหน้าต่าง Telnet/Terminal ปกติจะอยู่ในโฟลเดอร์ Accessories ข
วิธีใช้ Network Utility บน Mac OS X เพื่อทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อ
วิธีการ 1
- เปิด Network Utility โดยเปิดโฟลเดอร์ Applications แล้วเลือก Utilities จากนั้นค้นหาและเปิด Network Utility
- คลิกที่แท็บ Ping
- ระบุ hostname หรือ IP Address
- กำหนดว่าจะส่งกี่ pings โดยปกติแล้ว ส่ง 4-6 pings ก็เพียงพอเพื่อดูผลการเชื่อมต่อ
- คลิก Ping แล้วรอจนกว่าจะเสร็จสิ้นและผลการ ping จะแสดงอยู่ด้านล่างของหน้าต่าง
โดยปกติ hostname จะเป็น address ของเว็บไซต์ ให้ระบุ hostname ด้วยเว็บหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ ping เช่น ถ้าต้องการ ping หน้าเว็บหลักของ How ให้พิมพ์ ping www..com ส่วน IP address ก็คือตำแหน่งในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ โดยไม่ว่าจะเป็น local หรือออนไลน์ก็ตาม ถ้าต้องการ ping IP address 192.168.1.1 ให้พิมพ์ 192.168.1.1 ในช่องได้เลย
วิธีการอ่านผลการใช้คำสั่ง Ping
วิธีการ

- อ่านบรรทัดแรก ซึ่งจะบอกว่าคำสั่ง Ping นี้ใช้ทำอะไร โดยจะแสดง address ที่ถูกใส่ไปและบอกว่าส่งข้อมูลไปมากี่บิต
- อ่านเนื้อหาของผลที่ได้ ซึ่งจะแสดงบรรทัดต่างๆ ที่แสดงเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ และ TTL ซึ่งเป็นจำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet ยิ่ง TTL ต่ำแสดงว่า packet ผ่านเราเตอร์มากขึ้น Time คือระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ และมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที
- ถ้าต้องการหยุดคำสั่ง Ping สามารถกด Ctrl + C เพื่อหยุดการทำงานได้
- อ่านสรุปข้อมูล หลังจากใช้คำสั่งเสร็จสิ้นแล้ว จะมีสรุปข้อมูลให้ดู เช่น Lost packets คือการเชื่อมต่อไปยัง address นั้นไม่น่าไว้วางใจ และสรุปข้อมูลยังแสดงระยะเวลาโดยเฉลี่ยของการเชื่อมต่อด้วย
โดยปกติหากส่ง packet สำเร็จทุกตัว จะแสดงว่า Received = 4 และ Lost = 0 (0% loss) ส่วนสถิติเกี่ยวกับระยะเวลาโดยเฉลี่ยในการเชื่อมต่อจะแสดงให้ดูด้วย โดยจะแสดงเวลาโดยเฉลี่ยต่อ packet ด้วยหน่วยมิลลิวินาที ซึ่งประกอบด้วยค
แก้ปัญหาที่พบบ่อย
เช็ค entry
- เช็คการสะกดชื่อเว็บหรือ hostname ให้ถูกต้อง
- ลองใช้ชื่อเว็บหรือ hostname อื่นที่มั่นใจว่าถูกต้องและทำงานได้
- ลองใช้ IP address ของ host แทนชื่อเว็บ
เช็คสัญญาณเน็ต
- เช็คการเชื่อมต่อกับ gateway หรือตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าถูกต้องหรือไม่
- เช็คสถานะของ TCP/IP และ network adapter
- เช็คสัญญาณ Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อจากคอมไปยังเราเตอร์
- เช็คสถานะของพอร์ท network ของคอม
เช็คเราเตอร์
- เช็คว่าเราเตอร์ไฟติดดีไหม
- เช็คว่าคอมต่อเน็ตกับเราเตอร์ได้หรือไม่
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อโดยการตรวจสอบสายเชื่อมต่อ
- ติดต่อช่างของค่ายอินเทอร์เน็ตที่ใช้ (ถ้ามีปัญหาจริงๆ)
ตอนไหนที่ควรใช้คำสั่ง ping?
ควรใช้คำสั่ง ping เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุต่างๆ ของคอมและเครือข่าย เช่น การเชื่อมต่อและส่งข้อมูล โดยคุณสามารถใช้คำสั่ง ping ได้โดยการพิมพ์ “ping -c5 127.0.0.1”
ตัวเลือกที่จะใช้นั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งาน เช่น
- -c Count: หยุดเมื่อส่ง packets ครบจำนวน
- -t: ส่ง packets จนกระทั่งหยุดด้วยการกด [ctrl]-C
- -w Timeout: กำหนดเวลารอหน่อยๆ และหยุดการส่งข้อมูลเมื่อหมดเวลา
- -n: เฉพาะผลที่เป็นตัวเลข (Numeric output)
- -p Pattern: ชุดเลขฐานสิบหกต่อท้าย packet
- -R: ใช้ตัวเลือก Record Route ของ IP เพื่อดูเส้นทางที่ packets ถูกส่ง
- -r: Bypass ข้าม routing tables
- -s Packet Size: เปลี่ยนขนาด packet
- -V Verbose: แสดง ICMP packets เพิ่มเติมที่บอกข้อมูลโดยละเอียด
- -f Flood: ส่ง packets โดยเร็วที่สุดเพื่อทดสอบแบบ stress test
- -l Preload: ส่ง preload packets โดยเร็วที่สุด
- -?: Help แสดงรายชื่อตัวเลือกทั้งหมดของคำสั่ง Ping รวมถึง syntax ที่จำเป็น